รายงานกลุ่มผู้ป่วยวัณโรคต่อมน้ำเหลือง: บทบาทของผู้ประสานงานและการเตรียมตัวอย่างนำส่งทดสอบในการวินิจฉัยโรคโดยวิธีเจาะดูดด้วยเข็มเล็ก
คำสำคัญ:
การเจาะดูดด้วยเข็มเล็ก, วัณโรคต่อมน้ำเหลืองบทคัดย่อ
ผู้ป่วยวัณโรคต่อมน้ำเหลืองแสดงอาการด้วยต่อมน้ำเหลือง โต พบบ่อยที่บริเวณคอ ซึ่งโรคต่างๆ ที่ต้องวินิจฉัยแยกโรคมีเป็น จำนวนมาก การเจาะดูดด้วยเข็มเล็กเป็นวิธีการที่ง่าย ไม่น่ากลัว แต่การวินิจฉัยวัณโรคโดยลักษณะทางเซลล์วิทยาเพียงอย่างเดียวไม่ เพียงพอ การเพาะเชื้อเป็นวิธีทดสอบมาตรฐานที่จะระบุชนิดจุลชีพ ที่เป็นสาเหตุของโรคติดเชื้อ แต่มีข้อจำกัดเรื่องการเจาะดูดมักได้ ตัวอย่างน้อยและต้องรอเวลานานกว่าจะได้ผล จึงต้องมีการทดสอบ อื่นช่วย ซึ่งเป็นวิธีทดสอบที่สามารถทำต่อโดยใช้ตัวอย่างเซลล์วิทยา ที่อยู่บนสไลด์ อันได้แก่ การตรวจหาเชื้อทนกรดด้วยสีย้อมพิเศษ และการตรวจส่วนของดีเอ็นเอของเชื้อโดยเทคนิคพีซีอาร์ เพื่อให้ ได้ผลทันการพิจารณาการให้ยาของแพทย์ผู้รักษา อย่างไรก็ตาม ยัง ไม่มีคู่มือการปฏิบัติที่แนะนำขั้นตอนในการนำตัวอย่างของการเจาะ ดูดด้วยเข็มเล็กเพื่อการทดสอบต่างๆ เหล่านี้ อีกทั้งต้องดำเนินการ จำนวนสามถึงสี่การทดสอบ และอาจต้องมีการเจาะดูดมากกว่าหนึ่ง ครั้ง การมีผู้ทำหน้าที่ประสานงานให้ผู้ป่วยจึงมีความหมาย ด้วยเหตุ นี้ คณะผู้วิจัยจึงได้นำเสนอเป็นรายงานผู้ป่วยที่ได้รับการดำเนินการ ตามขั้นตอนการนำตัวอย่างเพื่อทดสอบต่อ ที่ผู้วิจัยจัดทำขึ้น ร่วม กับการมีผู้ทำหน้าที่ประสานงาน ให้ได้ผลออกทันการพบแพทย์ของ ผู้ป่วย เมื่อพบว่าเซลล์วิทยาให้ลักษณะสงสัยวัณโรค ผู้ประสานงาน จะนัดผู้ป่วยให้มารับการเจาะดูดเพื่อลงตัวอย่างในหลอดเลี้ยงเชื้อ ที่จะส่งต่อไปเพาะเชื้อและระบุการตรวจพบเชื้อวัณโรคโดยเครื่อง ตรวจอัตโนมัติ ในวันที่แพทย์พบผู้ป่วยซึ่งโดยทั่วไปประมาณสอง สัปดาห์หลังการเจาะดูด แพทย์จะได้เห็นผลทั้งหมด อันได้แก่ ผล อ่านเซลล์วิทยา ผลย้อมสีทนกรดเพื่อหาเชื้อ และผลตรวจสาร พันธุกรรมเพื่อระบุเชื้อวัณโรค ซึ่งทำให้แพทย์สามารถวางแผนการ รักษา หรือการวางแผนการดูแลต่อไปได้ ส่วนการเพาะเชื้อวัณโรค จะได้ผลใน 4 สัปดาห์ ซึ่งจะทันการพบผู้ป่วยครั้งต่อไปอีกหนึ่งเดือน โดยแพทย์เมื่อเห็นผล จะสามารถพิจารณาการปรับเปลี่ยนยาได้ตาม ข้อบ่งชี้ แม้ว่าผู้ป่วยที่รายงานทุกคนจะได้รับการดูแลอย่างดีและได้ รับการรักษาจนหายจากโรค ผู้ป่วยแต่ละคนมีการดำเนินของโรคที่ มีความซับซ้อนแตกต่างกัน ซึ่งจะแสดงไว้ในรายงานผู้ป่วยแต่ละคน จำนวน 10 ราย ในตอนท้าย ความท้าทายในส่วนของการวินิจฉัยจะ ได้นำเสนอและอภิปราย
เอกสารอ้างอิง
Gupta PR. Difficulties in managing lymph node tuberculosis.Lung India 2004; 21:50-3.
Sun L, Zhang L, Yang K, Chen XM, Chen JM, X J et al. Analysis of the causes of cervical lymphadenopathy using fine-needle aspiration cytology combining cell block in Chinese patients with and without HIV infection. BMC Infect Dis 2020;20:224.
Purohit M, Mustafa T. Laboratory diagnosis of extra - pulmonary tuberculosis (EPTB) in resource-constrained setting: state of the art, challenges and the needs. J Clin Diag Res 2015; 9:EE01-6.
Krishna M, Gole SG. Comparison of conventional Ziehl-Neelsen method of acid-fast bacilli with modified bleach method in Tuberculous lymphadenitis. J Cytol 2017; 34:188-92.
Goel MM, Ranjan V, Dhole TN, Srivastava AN, Kushwaha MR,Mehrotra A, et al. Polymerase chain reaction vs.conventional diagnosis in fine needle aspirates of tuberculous lymph nodes.Acta Cytol 2001; 45:333-40.
Global tuberculosis report 2019. Geneva : WHO; 2019.
Inoue M, Tang WY, Wee SY, Barkham T. Audit and improve! Evaluation of a real-time probe-based PCR assay with internal control for the direct detection of Mycobacterium tuberculosis complex. Eur J Clin Microbiol Infect Dis 2011; 30:131-5.
Asano S. Granulomatous Lymphadenitis. J Clin Exp Hematop 2012; 52:1-16.
Sampatanukul P, Lertpocasombat K, Tonsakulrungruang K,Udompanich V. Cytologic features of tuberculosis manifesting palpable lumps: a fine-needle aspiration biopsy approach. Chula Med J 1993; 37:119-25.
Kent PT, Kubica GP. Public health mycobacteriology: a guide for the Level III Laboratory. US Department of health and human services, centers for disease control, Atlanta;1985.
Forbes BA, Sahm DF, Weissfeld AS. Mycobacteria. In: Forbes BA, Sahm DF, Weissfeld AS. eds., Bailey & Scott,s Diagnostic microbiology 12th ed. St. Louis, Missouri : Mosby; 2007.
Winn WC, Allen SD, Janda WM, Koneman EW, Procop GW,Schreeckenberger PC, et al. Mycobacteria. In: Winn WC. et al. eds.Koneman,s color atlas and textbook of diagnostic microbiology 6th ed. Philadelphia : Lippincott Williams & Wilkins; 2006.
Siddiqi SH, Rusch-Gerdes S. MGITTM Procedure Manual; Becton,Dickinson &Company (BD); 2006.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
ข้อความและข้อคิดเห็นต่างๆ เป็นของผู้เขียนบทความ ไม่ใช่ความเห็นของกองบรรณาธิการหรือของวารสารกรมการแพทย์