การพัฒนาแนวทางปฏิบัติการพยาบาลในการป้องกันและควบคุมเชื้อเอนเทอร์โรแบคทีเรียที่ดื้อต่อยาคาร์บาพีเนมส์ในการดูแลผู้ป่วยเด็ก

ผู้แต่ง

  • ทรรศนันทน์ อ่วมประเสริฐ พย.ม., กัลยา แก้วธนะสิน พย.ม.

คำสำคัญ:

เชื้อเอนเทอร์โรแบคทีเรียที่ดื้อต่อยาคาร์บาพีเนมส์ (เชื้อดื้อยา CRE), แนวทางปฏิบัติในการป้องกันและควบคุมเชื้อดื้อยา, การส่งเสริมความรู้และสนับสนุนการปฏิบัติ

บทคัดย่อ

วัตถุประสงค์ : เพื่อพัฒนาและศึกษาผลการใช้แนวทางปฏิบัติการพยาบาลในการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อดื้อยา Carbapenem Resistant Enterobacteriaceae (CRE) ในการดูแลผู้ป่วยเด็ก ดำเนินการศึกษาเป็น 2 วงจร โดยวงจรที่ 1 เป็นการพัฒนาและศึกษาผลการทดลองใช้แนวทางปฏิบัติการพยาบาลในการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อดื้อยา CRE ในการดูแลผู้ป่วยเด็กและค้นหาปัญหาอุปสรรคที่พบ วงจรที่ 2 พัฒนาการใช้แนวทางปฏิบัติร่วมกับการส่งเสริมการใช้แนวทางปฏิบัติการพยาบาลในการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อดื้อยา CRE ในการดูแลผู้ป่วยเด็กตามรูปแบบ The PRECEDE – PROCEED Model วิธีการ : การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) กลุ่มตัวอย่างเลือกแบบเฉพาะเจาะจงจากพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในหอผู้ป่วยที่มีผู้ป่วยติดเชื้อ CRE ของสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ทดลองปฏิบัติใน 2 วงจร วงจรละ 40 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าเฉลี่ย ร้อยละและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบผลลัพธ์ วงจรที่ 1 และวงจรที่ 2 ด้วยสถิติ t-test ผล: พบว่า แนวทางปฏิบัติการพยาบาลในการป้องกันและควบคุมเชื้อดื้อยา CRE ในการดูแลผู้ป่วยเด็ก ประกอบด้วย 1) การทำความสะอาดมือ 2) การป้องกันการแพร่เชื้อจากการสัมผัส 3) การให้ความรู้แก่บุคลากร ผู้ป่วยและญาติ 4) การแยกผู้ป่วยและผู้ดูแล 5) การสื่อสาร 6) การทำลายเชื้อในสิ่งแวดล้อม 7) การคัดกรองผู้ป่วย และ 8) การเฝ้าระวังการติดเชื้อ ปัญหาและอุปสรรคที่พบในการปฏิบัติ ประกอบด้วย1) การขาดความรู้ในการปฏิบัติ 2) ความมั่นใจในการปฏิบัติ 3) ขั้นตอน การปฏิบัติที่ยุ่งยากซับซ้อน 4) ความไม่เพียงพอของอุปกรณ์ป้องกันร่างกาย 5) ความไม่เพียงพอของอุปกรณ์ทำลายเชื้อ 6) การถูกตำหนิหรือการถูกลงโทษ หลังการพัฒนาแนวทางการปฏิบัติ ร่วมกับการส่งเสริมความรู้และสนับสนุนการใช้แนวทางปฏิบัติ ตามรูปแบบ The PRECEDE – PROCEED Model พบว่า พยาบาลวิชาชีพมีความรู้ ความพึงพอใจ และสามารถปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติได้ถูกต้องมากขึ้น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 และ 0.05 อุบัติการณ์การติดเชื้อดื้อยา CREในผู้ป่วยเด็ก หลังการพัฒนาการใช้แนวทางปฏิบัติ ร่วมกับการส่งเสริมความรู้และสนับสนุนการปฏิบัติ พบว่า อัตราการติดเชื้อ CRE 9ต่ำกว่าในวงจรที่ 1 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 สรุป: การส่งเสริมความรู้และสนับสนุนการปฏิบัติให้สอดคล้องกับปัญหาและอุปสรรค ช่วยให้พยาบาลสามารถปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติได้ดีขึ้น

เอกสารอ้างอิง

Rhomberg PR, Jones RN. Summary trends for the meropenemyearly susceptibility test information collection program: a 10-year experience in the United States (1999-2008). Diagnostic microbiology and infectious disease 2009; 65:414-26.

Patel G, Huprikar S, Factor SH, Jenkins SG, Calfee DP. Outcomes of carbapenem-resistant Klebsiella pneumoniae infection and the impact of antimicrobial and adjunctive therapies. Infection control and hospital epidemiology 2008; 29:1099-106.

Montagnani C, Prato M, Scolfaro C, Colombo S, Esposito S, Tagliabue C, et al. Carbapenem-resistant Enterobacteriaceae Infection in Children. The Pediatric infectious disease journal 2016; 35:869-8.

Doi Y, Paterson DL. Carbapenemase-producing Enterobacteriaceae. Seminars in Respiratory and Critical Care Medicine 2015; 36:74-84.

Green LW, Kreuter MW. Health Program Planning: An Educational and Ecological Approach (4th ed.). New York: McGraw-Hill; 2005.

Jarenpan J, Tansakul C. Health Behavior (4thed.). Mahasarakham :Klung Nana WIttaya; 2006.

Kemmis S, McTaggart R. The Action Research Planer (3rd ed.). Victoria: Deakin University; 1988.

Watanawong S. Psychology for training adult (3rd ed.) Bangkok: Expernet Publishing; 2012.

Luangaram Y. Effects of training, feedback, and provistion of blood drawing kit on knowledge of nurse and blood cultures contamination rate. Chiang Mai University; 2008.

Goldrick BA, Turner JG. Education and behavior change in prevention and control of infection. In: Soule BM, Larson EL, Preston GA. (eds.), Infections and nursing practice: Prevention and control. St. Louis: Mosby; 1995.

Kraibut K. Effects of promoting clinical practice guidelines implemtnation on nurses’ practices and incidence of ventilator associated pneumonia in a General Hospital. Dissertations, Academic – Nursing. Infection Control Nursing. Chiangmai University; 2008.

Ritklar L, Saiphoklang N. Results of Promoting the Clinical Nurse Practice Guidelines for Mechanically Ventilated Patients and Incidence of Ventilator – Associated Pneumonia in a Medical Ward at Thammasat University Hospital. Nursing Journal 2015; 42:95-104.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

01-08-2019

รูปแบบการอ้างอิง

1.
ทรรศนันทน์ อ่วมประเสริฐ พย.ม., กัลยา แก้วธนะสิน พย.ม. การพัฒนาแนวทางปฏิบัติการพยาบาลในการป้องกันและควบคุมเชื้อเอนเทอร์โรแบคทีเรียที่ดื้อต่อยาคาร์บาพีเนมส์ในการดูแลผู้ป่วยเด็ก . J DMS [อินเทอร์เน็ต]. 1 สิงหาคม 2019 [อ้างถึง 26 ธันวาคม 2025];44(4):73-9. available at: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/JDMS/article/view/246692

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ