การศึกษาผลลัพธ์ของการใช้รูปแบบการพยาบาลสู่การดูแลผู้ป่วยข้างเตียงต่อความคลาดเคลื่อนของการบริหารยา: กรณีศึกษา
คำสำคัญ:
การดูแลผู้ป่วยข้างเตียง, ความคลาดเคลื่อนทางยาบทคัดย่อ
ภูมิหลัง: รูปแบบการดูแลผู้ป่วยที่ดีเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้พยาบาลสามารถให้การพยาบาลได้อย่างมีคุณภาพและลดความผิดพลาดจากการทำงานได้ วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาผลและเปรียบเทียบร้อยละของความคลาดเคลื่อนการบริหารยา ความพึงพอใจของพยาบาลต่อการพยาบาลก่อนและหลังการใช้รูปแบบการดูแลผู้ป่วยข้างเตียง วิธีการ: กลุ่มตัวอย่างเป็นพยาบาลวิชาชีพประจำการหอผู้ป่วยกุมารศัลกรรมเด็กโต จำนวน 15 คน เกณฑ์การคัดเลือกผู้เข้าร่วมการวิจัยคือ พยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในหอผู้ป่วยกุมารศัลยกรรมเด็กโตที่ปฏิบัติงานในเวรเช้า บ่าย ดึก เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) รูปแบบการดูแลผู้ป่วยข้างเตียง 2) แนวปฏิบัติการบริหารยาในหอผู้ป่วย 3) แบบสอบถามความพึงพอใจในงานของพยาบาล 4) แบบบันทึกการปฏิบัติการพยาบาลตามรูปแบบการดูแลผู้ป่วยข้างเตียง 5) แบบรายงานความคลาดเคลื่อนทางยา เก็บรวบรวมข้อมูลกลุ่มทดลอง 15 คน ก่อนและหลังการใช้รูปแบบการพยาบาลสู่การดูแลผู้ป่วยข้างเตียง เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้ทดสอบความเชื่อมั่นได้ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟ่าของครอนบาค 0.95 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติวิเคราะห์ pair t- test เปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยของกลุ่มทดลองก่อนและหลัง ผล: 1. ร้อยละความคลาดเคลื่อนของการบริหารยาก่อนการใช้รูปแบบการพยาบาลสู่การดูแลผู้ป่วยข้างเตียงเท่ากับ 0.10 และหลังการใช้รูปแบบการพยาบาลสู่การดูแลผู้ป่วยข้างเตียงร้อยละ 0.05 2. คะแนนเฉลี่ยความพึงพอใจของพยาบาลก่อนและหลังการใช้รูปแบบรูปแบบการพยาบาลสู่การดูแลผู้ป่วยข้างเตียงภาพรวมและรายด้านแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 สรุป: กรณีศึกษาในหอผู้ป่วยกุมารศัลยกรรมเด็กโตนี้พบว่าการใช้รูปแบบการดูแลผู้ป่วยข้างเตียงช่วยลดความคลาดเคลื่อนในการบริหารยาได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ยังพบว่าความพึงพอใจของพยาบาลหลังการใช้รูปแบบการดูแลผู้ป่วยข้างเตียงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติซึ่งแสดงให้เห็นว่ารูปแบบการดูแลผู้ป่วยข้างเตียงเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มคุณภาพการดูแลผู้ป่วยและลดข้อผิดพลาดในการบริหารยา
เอกสารอ้างอิง
Martin SC, Greenhouse PK, Merryman T, Shovel J, Liberi CA, Konzier J. Transforming care at the bedside: implementation and spread model for single-hospital and multihospital systems. J Nurs Adm 2007;37(10):444-51.
Ketsumpan Y. Transforming Care at the Bedside (TCAB) [Internet]. 2014 [cited 2023 May 21]. Available from: http://www.si.mahidol.ac.th/Th/division/nursing/NDivision/N_QD/div_newsdetail.asp?div_id=72&n_id=54.
Institute of Healthcare Improvement. Transforming Care at the Bedside How-to Guide: Engaging Front-Line Staff in Innovation and Quality Improvement [Internet]. 2008 [cited 2023 Apr 2]. Available from: https://www.ihi.org/sites/default/files/Ims/legacy/education/IHIOpenSchool/Courses/Documents/Coursera Documents/12_TCABHowtoGuideEngagingFrontLineStaffSep08.pdf
Queen Sirikit National Institute of Child Health. Patient Safety Goal Manual. Bangkok: Queen Sirikit National Institute of Child Health; 2021
Ratanadechsakul C, Ratanadechsakul P. Medication Error and Its Application in Drug Management Systems [Internet]. 2017 [cited 2023 May 25]. Available from: https://ccpe.pharmacycouncil.org/index.php? option=article_detail&subpage=article_detail&id=303
Wachirasawat N. The Effect of Bedside Care Reform Program on Job Satisfaction of Professional Nurses and Nursing Error Rates in Critical Care Units at Samitivej Sukhumvit Hospital. Bangkok: Sukhumvit Hospital; 2008.
Institute of Healthcare Improvement. Transforming Care at the Bedside How-to Guide: Engaging Front-Line Staff in Innovation and Quality Improvement [Internet]. 2008 [cited 2023 Apr 2]. Available from: https://www.ihi.org/sites/default/files/Ims/legacy/education/IHIOpenSchool/Courses/Documents/Coursera Documents/12_TCABHowtoGuideEngagingFrontLineStaffSep08.pdf.
Inthasen A, Detphong K. CQI: Improving Bedside Patient Care. Pediatric Intensive Care Unit, Phutthachinraj Hospital, Phitsanulok. Phitsanulok: Phutthachinraj Hospita; 2019.
Needleman J, Buerhaus P, Mattke S, Stewart M, Zelevinsky K. Nurse-staffing levels and the quality of care in hospitals. N Engl J Med 2002;346(22):1715-22.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
ข้อความและข้อคิดเห็นต่างๆ เป็นของผู้เขียนบทความ ไม่ใช่ความเห็นของกองบรรณาธิการหรือของวารสารกรมการแพทย์