ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคในกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา
คำสำคัญ:
พฤติกรรมการป้องกันโรค กลุ่มเสี่ยง โรคหลอดเลือดสมองบทคัดย่อ
การวิจัยเชิงสำรวจนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง พฤติกรรมการป้องกันโรค
และปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคในกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง ประชากรในการศึกษา ได้แก่
ผู้ที่ได้รับการตรวจคัดกรองโรคหลอดเลือดสมองในปี 2559 โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา
ที่มีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองทั้งหมด จำนวน 250 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาคือ แบบสอบถาม
และแบบประเมินความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง เก็บรวบรวมข้อมูลในเดือนมีนาคม – เมษายน 2560
วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และ Multiple regression analysis ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มเสี่ยง
ต่อโรคหลอดเลือดสมอง ร้อยละ 56.8 มีความเสี่ยงสูงต่อโรคหลอดเลือดสมอง รองลงมา ร้อยละ 29.2
และ 14.0 มีความเสี่ยงสูงมาก และเสี่ยงสูงปานกลาง ตามลำดับ โดยมีความเสี่ยงในเรื่องดัชนีมวลกายหรือ
ขนาดรอบเอวมากกว่าปกติ ร้อยละ 64.8 รองลงมามีระดับไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง มีระดับนํ้าตาล
ในเลือดผิดปกติ เป็นโรคเบาหวานและมีปัญหาที่ไต มีญาติสายตรงเป็นโรคหัวใจขาดเลือดหรืออัมพาต สูบบุหรี่
เคยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคหัวใจ ร้อยละ 34.4, 28.4, 27.2, 20.8, 20.0, 10.8, 8.4 และ
2.4 ตามลำดับ กลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองมีพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง ระดับตํ่า ร้อยละ
52.4 รองลงมาคือ ระดับปานกลาง และดี ร้อยละ 44.4 และ 3.2 ตามลำดับ ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรม
การป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ การรับรู้ภาวะเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง และ
การได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือจากครอบครัว โดยมีผลเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value < 0.01)
ตัวแปรดังกล่าวร่วมกันอธิบายการผันแปรของพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองได้ร้อยละ 41.9
เอกสารอ้างอิง
ผู้เป็นโรคหลอดเลือดสมองที่มารับการรักษา ที่แผนกฉุกเฉิน โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์
เนชั่นแนล. วารสารสมาคมพยาบาลฯ สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2555; 30(2) :101-110.
2. Sukkhumanpitak J, Nantsupawat W, Hornboonherm P. Development of a Care Model for Male
Stroke Patients in Secondary Hospital Using A Participatory Action Research. Journal of Nurses’
Association of Thailand, North-Eastern Division 2012; 30(1): 32-38.
3. Imsuk K. Effects of a Multidisciplinary Developmental Care Model in Patients with Stroke at
Chao Phya Abhaibhubejhr. Journal of Nurses’ Association of Thailand, North-Eastern Division
2011; 29(3): 15-24.
4. สถาบันประสาทวิทยา กระทรวงสาธารณสุข. รายงานการศึกษาเพื่อพัฒนาระบบทางการแพทย์ระดับตติยภูมิ
และสูงกว่าด้านโรคหลอดเลือดสมอง. กรุงเทพฯ : สำนักงานกิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์
ทหารผ่านศึก, 2552.
5. สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข. ข้อมูลสถิตสาธารณสุขปี 2548-2556. (ออนไลน์).
2556. (เข้าถึงเมื่อ 10 ตุลาคม 2559) เข้าถึงได้จาก http: //bpo.ops.moph.go.th/ Healthinformation
/illin42-48 hton.
6. Becker and Mainman. L.A. The Health Belief Model: Origin and Correlation in Psychological Theory.
Health Education Monographs 1974; 2: 300 -385.
7. Becker, M.H. Theoretical Model of Adherence and Strategies. In Shumaker S.A., E.B.Schron,
& J.K. Ockene (Eds), The Handbook of Health Behaviors Change. New York : Springer
Publishing.1990.
8. สุทัสสา ทิจะยัง. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง.
วิทยานิพนธ์ พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการพยาบาลเวชปฏิบัติชุมชน, มหาวิทยาลัยคริสเตียน.
2557.
9. กนกกาญจน์ สวัสดิภาพ. ปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดของผู้มีไขมัน
ในเลือดผิดปกติในจังหวัดอุบลราชธานี. วิทยานิพนธ์ สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัย
ราชภัฏอุบลราชธานี. 2554.
10. กษมา เชียงทอง. ความสัมพันธ์ระหว่างแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ การรับรู้อาการเตือนและพฤติกรรม
การจัดการโรคหลอดเลือดสมองในกลุ่มเสี่ยงหลอดเลือดสมอง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่.
วิทยานิพนธ์ สาธารณสุข ศาสตรมหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. 2554.
11. Goodman, T.G. Perception and Knowledge of Stroke Risk as Predictors for Risk of Stroke (Doctor
of Philosophy Public Health, Walden University.) (Online) 2012. (cited 2017 April 10).
Avaliable from: http://searchproquest. Com/ip.
12. จินดาพร ศิลาทอง. ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงของผู้ใหญ่ในชุมชน อำเภอ
บ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี. วิทยานิพนธ์ ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการพยาบาล
เวชปฏิบัติชุมชน, มหาวิทยาลัย คริสเตียน. 2553.
วารสารวิชาการ สคร. 9 ปี 2562 : 25(1) DPC 9 J 2019 15
ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคในกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง Factors Effecting to Disease Prevention Behaviors in Risk Group for Stoke
โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา at Chaloem Phra Kiat Hospital, Nakhon Ratchasima Province
13. ชญาน์นันท์ ใจดี. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันโรคติดเชื้อเฉียบพลันระบบหายใจ
ของผู้ดูแลเด็กในสถานรับเลี้ยงเด็ก. Rama Nurse J 2553; 18 (3):389-401.
14. นํ้าเพชร มาตาชนก. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการจัดการของครอบครัวที่มีผู้ป่วยโรคหอบหืดวัยผู้ใหญ่
โรงพยาบาลบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ.วิทยานิพนธ์ พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัย
บูรพา. 2550.
15. Cobb, S. Social Support as a Moderate of Life Stress. Psychosomatic Medicine. 1979 ; 38.
16. สุพร หุตาการ. พฤติกรรมการดูแลตนเองในการป้ องกันโรคหลอดเลือดสมองของผู้ต้องขังทัณฑสถาน
ในโรงพยาบาลราชทัณฑ์. วิทยานิพนธ์ วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสุขศึกษา ภาควิชาพลศึกษา,
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 2549.
17. พัชรินทร์ ท้วมผิวทอง. พฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดสมองของผู้ป่วย
ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทหารผ่านศึก. วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัย
เกษตรศาสตร์. 2549.
18. ทัชชภร หมื่นนิพัฒ. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคหืดในผู้ป่วยโรคหืดที่มารับบริการ
ในโรงพยาบาลระดับทุติยภูมิ จังหวัดนครปฐม. วิทยานิพนธ์ พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขา
การพยาบาลเวชปฏิบัติชุมชน, มหาวิทยาลัยคริสเตียน. 2555.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารวิชาการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 จังหวัดนครราชสีมา ถือว่าเป็น
ลิขสิทธิ์ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 จังหวัดนครราชสีมา
