โมเดลการจัดการเชิงระบบในการป้องกันพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสมของวัยรุ่นออทิสติก

ผู้แต่ง

  • ฐาวรีย์ ขันสำโรง คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น

คำสำคัญ:

โมเดลการจัดการเชิงระบบ, พฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสม, วัยรุ่นออทิสติก

บทคัดย่อ

การวิจัยเชิงคุณภาพนี้เกิดจากการศึกษาปรากฏการณ์ทางสังคมที่สำคัญ เมื่อเด็กออทิสติกเติบโตเข้าสู่
วัยรุ่น การเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย จิตใจอารมณ์และสังคมเกิดขึ้นเช่นเดียวกับวัยรุ่นทั่วไป แต่วัยรุ่นออทิสติก
มักแสดงออกอย่างท้าทายด้วยพฤติกรรมทางเพศที่แตกต่างไปจากวัยรุ่นทั่วไป เนื่องจากการเปลี่ยนแปลง
ของฮอร์โมนเพศและความไม่เข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเมื่อเข้าสู่วัยรุ่นจากภาวะออทิสซึม เช่น การสัมผัส
ตัวเอง การสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองในที่สาธารณะ การถอดเสื้อผ้าในที่สาธารณะ เป็นต้น พฤติกรรมเหล่านี้
ส่งผลกระทบต่อครอบครัวในมิติซํ้าๆ ทั้งในแง่ของภาระการดูแล การเรียน การทำงาน และความเครียด
ความวิตกกังวลของผู้ปกครองเพิ่มขึ้น ชี้ให้เห็นว่าวัยรุ่นออทิสติกต้องการการพัฒนาศักยภาพเพื่อปรับตัว
ให้ถูกต้องเหมาะสม อันเป็นพื้นฐานสำคัญของการดำเนินชีวิตในวัยผู้ใหญ่เช่นเดียวกับวัยรุ่นทั่วไป การปฏิบัติตัว
ที่เหมาะสมและการปรับพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสมของวัยรุ่นออทิสติกเป็นบทบาทหน้าที่ของผู้ปกครอง
ที่ต้องดูแลการค้นคว้าหาความรู้ความจริง เพื่อพัฒนาโมเดลการจัดการเชิงระบบในการป้องกันพฤติกรรมทางเพศ
ที่ไม่เหมาะสมของวัยรุ่นออทิสติก จึงเป็นประโยชน์สำหรับผู้ปกครองของวัยรุ่นออทิสติกและนำไปใช้ได้จริง
โมเดลนี้พัฒนาขึ้นด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูล 2 วิธีคือ การสนทนากลุ่มและการสัมภาษณ์เชิงลึกโดยใช้แบบ
สัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง ผู้ให้ข้อมูลสำคัญเป็นผู้ปกครองที่มีประสบการณ์เลี้ยงดูวัยรุ่นออทิสติก จำนวน 24 คน
ร่วมกับการวิเคราะห์ข้อมูลเอกสารที่เกี่ยวข้องเมื่อวัยรุ่นออทิสติกได้รับการพัฒนาศักยภาพและปฏิบัติตัว
ได้ถูกต้องเหมาะสม และคนในสังคมมีทัศนคติที่ดีต่อวัยรุ่นออทิสติก ก็สามารถอยู่ร่วมในสังคมโดยไม่เป็น
ภาระของครอบครัว สังคม และประเทศชาติ

เอกสารอ้างอิง

1. World Health Organization (WHO). Sexually Transmitted in Adolescence. Document for WHO
Publication; 2004.
2. ศิริกุล อิศรานุรักษ์. สุขภาพเด็กวัยรุ่นและการดูแล. 2557 สืบค้นเมื่อ 29 สิงหาคม 2560, จาก http://
www.elib-online.com /doctors/sexed_teenage03.html.
3. พนม เกตุมาน. ตำราจิตเวชเด็กและวัยรุ่น. กรุงเทพฯ: บิยอนด์ อินเตอร์ไพรซ์; 2550 : 141-159.
4. เพ็ญแข ลิ่มศิลา. คู่มือฝึกและดูแลเด็กออทิสติกสำหรับผู้ปกครอง. กรุงเทพฯ : คุรุสภาลาดพร้าว, 2545.
5. American Psychiatric Association (APA). Diagnostic and statistical manual of mental disorder, 4th,
text rev. Washington DC : Author; 2000.
6. เมธิศา พงษ์ศักดิ์ศรี. ภาวะออทิสติกและผลกระทบต่อสังคมรวมทั้งการมีส่วนร่วมในการสร้างเครือข่าย
ออทิสติก. เชียงใหม่; ภาควิชากิจกรรมบำบัดคณะเทคนิคการแพทย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่; 2554.
7. The National Autistic Society. Autism and Independence. London UK, 2007.
8. Haracopos D, Pedersen L. Sexuality and autism: Danish report. United Kingdom: Society for
the Autistically Handicapped, 1992.
9. คมชัดลึก. 4 กลไกออทิสติกโรดแม็พ เพิ่มที่ยืน “ออทิสติก” ในสังคม. 2560 สืบค้นเมื่อ 29 สิงหาคม
2560, จาก http://www. komchadluek.net/news/edu-health/295390.
10. ฐานเศรษฐกิจ. กรมสุขภาพจิตเผยเด็กไทยป่วยโรคออทิสติก 3 แสนคน เร่งวิจัยหา“ยีนต้นเหตุ”. 2560
สืบค้นเมื่อ 29 สิงหาคม 2560, จาก http://www.thansettakij.com/content/183997.
11. ชูศักดิ์ จันทยานนท์. เผยเด็กออทิสติกกว่า 3 แสนนอกระบบ แนะวิธีพ่อแม่ดูแล , 29 สิงหาคม 2560.
สืบค้นจาก https://www.hfocus.org/content/2013/03/2698.
12. Gibb S. Human resource development: processes, practices and perspectives. 3rd ed. Basingstoke:
Palgrave MacMillan ; 2011: 332.
13. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ 11, 12พ.ศ. 2555-2564. 2555, 2560 สืบค้นเมื่อ 29 สิงหาคม 2560, จาก http://
www2.oae.go.th/EVA/download/Plan/SummaryPlan11_thai.pdf.
14. Driscoll MP. Psychology of learning for instruction. 2nd ed. Boston, MA: Allyn & Bacon
Publishers; 2000.
15. สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์. สถิติการจดทะเบียนคนพิการ
ในประเทศไทย. 2556 สืบค้นเมื่อ 29 สิงหาคม 2560, จาก https://www.m-society.go.th/article_
attach/10429/15326.pdf.
16. Patton MQ. Qualitative evaluation and research methods. 2nd ed. London: Sage, 1990.
17. อรุณี อ่อนสวัสดิ์. ระเบียบวิธีวิจัย. พิมพ์ครั้งที่ 3. ภาควิชาการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัย
นเรศวร; 2551: 282.
18. Strauss A, Corbin J. Basics of qualitative research: Grounded theory procedures and techniques.
Newbury Park CA: Sage, 1990.
19. กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ. พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
พ.ศ. 2550. สืบค้นเมื่อ 29 สิงหาคม 2560, จาก http://www.dep.go.th.
20. สุพัตรา วงศ์วิเศษ, แอนดรา ดี, นฤมล ทวีพันธ์, วีรมลล์ โล้เจริญรัตน์. การใช้ Positive Behavior Support,
Sensory Integration, and Relaxation ในการปรับพฤติกรรมและลดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์
สำหรับนักเรียนออทิสติกที่มีระดับค่อนข้างรุนแรง.บทความวิจัยนำเสนอในการประชุมทางวิชาการ
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ครั้งที่ 45. 30 มกราคม - 2 กุมภาพันธ์ 2550.
21. สุภาพร ชินชัย. เอกสารประกอบคำบรรยายกิจกรรมบำบัด. โครงการฝึกอบรมครูและ บุคคลากรทาง
การศึกษาพิเศษ : โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา.
กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์; 2547.
22. Autism South Australia. Information Sheet 1 Relaxation. 2004 สืบค้นเมื่อ 29สิงหาคม 2560,
จาก http://www.autismsa.org.au.
23. Jackson L, Panyan MV. Positive behavioral support in the classroom: principles and practices.
Baltimore: Paul H. Brookes; 2002.
24. เพ็ญแข ลิ่มศิลา. ออทิสซึ่มในประเทศไทยจากตำราสู่ประสบการณ์ ในเอกสารประกอบบรรยายพิเศษ
การประชุมระดับชาติเรื่อง ครู หมอ พ่อแม่: มติการพัฒนาศักยภาพของบุคคลออทิสติก. กรุงเทพฯ:
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์; 2545.
25. Bronfenbrenner U. Toward an experimental ecology of human development. American Psychologist
1977 ; 32: 515-31.
26. Pretty J, Peacock J, Hine R, Sellens M, South N, Griffin M. Green Exercise in the UK Countryside:
Effects on Health and Psychological Well-Being, and Implications for Policy and Planning.
Journal of Environmental Planning and Management 2007; 50(2) : 211–231.
27. สมโภชน์ เอี่ยมสุภาษิต. ทฤษฎีและเทคนิคการปรับพฤติกรรม. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย ; 2549.
28. Bandura A. Social Foundations of Thought and Action: A Social Cognitive Theory. New York:
Prentice-Hall; 1986.
29. Skinner BF. Science and Human Behavior. New York: MacMillan ; 1953.
30. Charles LR. Increasing Prosocial Behaviors in Young Children : A Study of Training Generalization
and Maintenance Effects. Dissertation Abstracts International 1981;4(1): 5310.
31. Allen KE, Keith DT. A Behavior Modification Classroom for Handicap Children with Problem
Behaviors. Exception Children 1970;37(3): 119–27.
32. จุฑามณี ตระกูลมุทุตา. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในองค์การ. สงขลา: ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์
คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, สงขลา;2544.
33. วันทนีย์ เรียงไรสวัสดิ์. ผลการใช้ระบบการแลกเปลี่ยนภาพเพื่อการสื่อสารในการพัฒนาทักษะการสื่อสาร
สำหรับนักเรียนออทิสติกระดับปฐมวัย โรงเรียนกาวิละอนุกูล จังหวัดเชียงใหม่. 2552 สืบค้นเมื่อ
29 สิงหาคม 2560, จาก https://www.kroobannok.com/board_ view.php?b_id=29490.
34. Bogdashina O. Sensory Perceptual Issue in Autism and Asperger Syndrome. New York:
Jessica Kingsley; 2003.
35. หรรษา องคสิงห์. การปรับพฤติกรรมการรอคอยของเด็กออทิสติกโดยใช้กิจกรรมการเล่น. การค้นคว้า
แบบอิสระศึกษาศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาการศึกษาพิเศษบัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่,
เชียงใหม่; 2554.
36. วรรณภา บุญลาโภ. การศึกษาทักษะทางสังคมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่มีภาวะออทิสซึม
จากการสอนโดยวีดิทัศน์แสดงต้นแบบพฤติกรรม (Video Modeling) ร่วมกับสถานการณ์จำลอง.
วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิตสาขาวิชาการศึกษาพิเศษบัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ,
นครปฐม; 2556.
37. พัสมณฑ์ คุ้มทวีพร. การพยาบาลผู้ป่วยมะเร็งการป้องกันและการดูแลผู้ป่วย. กรุงเทพมหานคร: ฮายาบุสะ
กราฟฟิก; 2553.
38. Chopik JW. Associations among relational values, support, health, and well-being across the adult
lifespan. Personal Relationships 2017;24(2): 408.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2018-09-30

รูปแบบการอ้างอิง

ขันสำโรง ฐ. (2018). โมเดลการจัดการเชิงระบบในการป้องกันพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสมของวัยรุ่นออทิสติก. วารสารวิชาการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 จังหวัดนครราชสีมา, 24(2), 67–79. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ODPC9/article/view/188339

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ