การพัฒนาหลักสูตรเสริมสร้างสมรรถนะผู้สูงอายุในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากโร คความดันโลหิตสูง โรงเรียนผู้สูงวัยสัมฤทธิ์วิทยา ตำบลสัมฤทธิ์ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา

ผู้แต่ง

  • อรรถวิทย์ สิงห์ศาลาแสง คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
  • ทองทิพย์ สละวงษ์ลักษณ์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา

คำสำคัญ:

หลักสูตร, สมรรถนะ, สุขภาพ, โรคความดันโลหิตสูง, ผู้สูงอายุ

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม เพื่อพัฒนาหลักสูตรเสริมสร้างสมรรถนะ
ผู้สูงอายุในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากโรคความดันโลหิตสูง และเพื่อศึกษาประสิทธิผลของหลักสูตรดังกล่าว
โดยมีการดำเนินงาน 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 การศึกษาข้อมูลพื้นฐาน โดยการสัมภาษณ์เชิงลึก ระยะที่ 2
การพัฒนาหลักสูตร ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน คือ การวางแผน การลงมือปฏิบัติ การสังเกตการณ์ และ
การสะท้อนผล ระยะที่ 3 การปรับปรุงหลักสูตรเพื่อให้เป็นฉบับสมบูรณ์การวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับข้อมูล
เชิงปริมาณใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ส่วนข้อมูลเชิงคุณภาพ
วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัย พบว่า 1) หลักสูตรเสริมสร้างสมรรถนะผู้สูงอายุในการ
ป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากโรคความดันโลหิตสูง โรงเรียนผู้สูงวัยสัมฤทธิ์วิทยา ตำบลสัมฤทธิ์ อำเภอพิมาย
จังหวัดนครราชสีมา ประกอบด้วย 11 องค์ประกอบ คือ ปรัชญา วิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมาย สมรรถนะ
คุณลักษณะที่พึงประสงค์ สาระการเรียนรู้ โครงสร้างและเวลา สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สื่อและแหล่ง
การเรียนรู้ และการวัดและประเมินผล โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็น 8 สาระการเรียนรู้ ใช้เวลาในการเรียน
ตามหลักสูตรรวมทั้งสิ้น 144 ชั่วโมง 2) การศึกษาประสิทธิภาพของหลักสูตรเสริมสร้างสมรรถนะผู้สูงอายุ
ในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากโรคความดันโลหิตสูง โรงเรียนผู้สูงวัยสัมฤทธิ์วิทยา ตำบลสัมฤทธิ์ อำเภอ
พิมาย จังหวัดนครราชสีมา โดยใช้ CIPP Model พบว่า ประสิทธิภาพในภาพรวมของหลักสูตร อยู่ในระดับ
มากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.54 (S.D.=0.421) โดยเฉพาะองค์ประกอบ ด้านบริบทและด้านผลผลิต
ที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดเท่ากันคือ 4.61 (S.D. = 0.379 และ 0.410 ตามลำดับ) ดังนั้นจะเห็นได้ว่า การพัฒนา
หลักสูตรโรงเรียนผู้สูงอายุที่ตรงตามความต้องการของผู้เรียน และสอดคล้องกับบริบทของชุมชน มีผลทำให้
การจัดการเรียนการสอนในโรงเรียนผู้สูงอายุมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง ส่งผลถึง
การพัฒนาความรู้ และทักษะในการดูแลสุขภาพด้วยตนเองของผู้สูงอายุ ซึ่งจะช่วยให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพและ
คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นต่อไป

เอกสารอ้างอิง

1. สำนักงานสถิติแห่งชาติ. รายงานการสำรวจประชากรผู้สูงอายุในประเทศไทย พ.ศ. 2557. [อินเทอร์เน็ต].
[เข้าถึงเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2559]. เข้าถึงได้จาก : http//nso.go.th.
2. ปราโมทย์ ปราสาทกุล. สถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2558. กรุงเทพฯ : บริษัทอัมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์
พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน), 2559 ; 6-7.
3. วิมล บ้านพวน. คู่มือแนวทางการฝึกอบรม หลักสูตร Care manager. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ : ศูนย์สื่อ
และสิ่งพิมพ์แก้วเจ้าจอม มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา, 2558 ; 11-15.
4. เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง. การปฏิรูประบบรองรับสังคมสูงวัย. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์, 2558 : 7-9.
5. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา. ข้อมูลจากการคัดกรอง ADL 2559. [อินเทอร์เน็ต] [เข้าถึงเมื่อ
วันที่ 14 มกราคม 2559]. เข้าถึงได้จาก http://www.korathealth.com/korathealth/download/
download_view.php?id=127&w=list&page_=3&pages=.
6. ศูนย์ข้อมูลประเทศไทย. ข้อมูลประชากรอำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา. [อินเทอร์เน็ต] [เข้าถึงเมื่อวันที่
12 มกราคม 2559]. เข้าถึงได้จาก http://nakhonratchasima.kapook.com/ %E0%B8%9E%E0
%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2
7. โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านซึม. แบบรายงานข้อมูลประชากร. นครราชสีมา, 2559.
8. Kemmis,S.and Mctaggart,C. The action research planner .3rd ed. DeakinUniversity : Victoria, 1990.
9. สุรีพันธ์ วรพงศธร. การวิจัยทางสุขศึกษา = Research in health education. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์
วิฑูรย์การปก, 2558 ; 29-36.
10. ธนายุส ธนธิติและกนิษฐา จำรูญสวัสดิ์. การพัฒนาพฤติกรรมการดูแลสุขภาพที่พึงประสงค์ของผู้สูงอายุ
ในชมรมผู้สูงอายุตำบลบางเตย อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์
2558 ; 35 : 57-70.
11. คมกริช หุตวัฒนะ. การพัฒนารูปแบบการสร้างเสริมสุขภาพของสมาชิกชมรมผู้สูงอายุ ตำบลพันชนะ
อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา มหาบัณฑิต สาขาการพัฒนาสุขภาพชุมชน (รายงานการวิจัย).
นครราชสีมา: มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา, 2553.
12. เพ็ญจันทร์ สิทธิปรีชาชาญ, ปนัดดา ปริยฑฤฆและ ญาณิศา โชติกะคาม. กระบวนการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ
อย่างมีส่วนร่วมของชุมชนตำบลมาบแค. วารสารพยาบาลทหารบก 2555 : 13 : 8-17.
13. สถาบันวิจัยและประเมินเทคโนโลยีทางการแพทย์ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. เอกสารข้อมูล:
สถานการณ์โรคเบาหวาน/ความดันโลหิตสูงและภาวะแทรกซ้อนในประเทศไทย. [อินเทอร์เน็ต]
[เข้าถึงเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2559]. เข้าถึงได้จาก http:///203.157.39.7/imrta/images/
data/doc_dm_ht.pdf
14. นริศรา พงษ์ประเทศ. การพัฒนาการดูแลตนเองด้วยการมีส่วนร่วมของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง
ศูนย์สุขภาพชุมชนโรงพยาบาลค่ายสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา. วิทยานิพนธ์สาธารณสุขศาสตร
มหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา, 2554.
15. Marsh, C.J. Perspectives: Key Concepts for Understanding Curriculum. London: Falmer Press, 1997.
16. Stufflebeam, D. L., Madam, C. F., &Kellaghan, T. The CIPP model for evaluation in Evaluation
model. Boston, MA: Kluwer Academic, 2000.
17. สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข. ยุทธศาสตร์ ตัวชี้วัด และแนวทางการจัดเก็บข้อมูล
กระทรวงสาธารณสุข ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559. [อินเทอร์เน็ต] [เข้าถึงเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2559].
เข้าถึงได้จาก http://bps2moph.go.th/ sites/default/files/kpimoph59.pdf
18. Taba, H. Curriculum Development Theory and Practice. New York : Harcourt, Brace and World, 1962.
19. Bandura, A. Gauging the relationship between self-efficacy judgment and action. Cognitive Therapy
and Research 1980 ;4 : 263-268.
20. Parry, Scott B. Evaluating the Impact of Training. Alexandria, Virginia : American Society for
Training and Development, 1997.
21. วิพรรณ ประจวบเหมาะและคณะ. รายงานการศึกษาโครงการสร้างระบบการติดตามและประเมินผลแผน
ผู้สูงอายุแห่งชาติฉบับที่ 2 (พ. ศ. 2545-2564). กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2551.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2018-09-30

รูปแบบการอ้างอิง

สิงห์ศาลาแสง อ., & สละวงษ์ลักษณ์ ท. (2018). การพัฒนาหลักสูตรเสริมสร้างสมรรถนะผู้สูงอายุในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากโร คความดันโลหิตสูง โรงเรียนผู้สูงวัยสัมฤทธิ์วิทยา ตำบลสัมฤทธิ์ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา. วารสารวิชาการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 จังหวัดนครราชสีมา, 24(2), 80–89. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ODPC9/article/view/188354

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ