การพัฒนาเครือข่ายการเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคเมอร์ส ในผู้เดินทางชาวตะวันออกกลางในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

ผู้แต่ง

  • นภัทร วัชราภรณ์ สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง
  • เตือนใจ นุชเทียน สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง
  • วนิดา ดิษวิเศษ สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง
  • สืบสกุล สากลวารี สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง
  • โสภณ เอี่ยมศิริถาวร สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง

คำสำคัญ:

โรคติดเชื้อทางเดินหายใจตะวันออกกลาง, โรคเมอร์ส, ผู้เดินทางจากประเทศแถบตะวันออกลาง, การพัฒนาเครือข่าย

บทคัดย่อ

ในปี 2558 ประเทศไทยพบผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (MERS-CoV) หรือโรคเมอร์ส
1 ราย เป็นชาวตะวันออกกลาง ทำให้มีความเสี่ยงที่จะพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น เนื่องจากทุกปีจะมีผู้แสวงบุญ
ชาวไทยเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ในประเทศแถบตะวันออกกลาง รวมถึงมีนักท่องเที่ยวจากประเทศ
ตะวันออกกลางเดินทางเข้ามาในประเทศไทย วัตถุประสงค์ของการศึกษาเพื่อพัฒนาเครือข่ายในการป้องกัน
ควบคุมโรคเมอร์สในชุมชนด้านโครงสร้างและระบบกลไกของเครือข่าย รวมทั้งเพื่อให้บุคลากรในเครือข่าย
มีความรู้และตระหนักถึงความรุนแรงของโรคเมอร์ส การบริการป้องกันโรคเมอร์สให้กับผู้เข้าพักได้อย่าง
เหมาะสมหลังเกิดโรคและค้นหาผู้สัมผัสโรคในชุมชนได้อย่างรวดเร็ว และประเมินประสิทธิผลของการ
ดำเนินงานเฝ้าระวังป้องกัน ควบคุมโรคเมอร์สในชุมชน เป็นการศึกษาแบบการวิจัยและพัฒนา พื้นที่เป้าหมาย
คือ โรงแรมที่ผู้ป่วยโรคเมอร์สเคยเข้าพัก และสถานประกอบการบริเวณรอบโรงแรมดังกล่าว กลุ่มเป้าหมาย
ผู้บริหารหรือผู้จัดการโรงแรมและพนักงานโรงแรม ผู้ดูแลสุเหร่าหรือมัสยิด เจ้าของร้านขายยาหรือคลินิก
เอกชน การดำเนินการประกอบด้วย การสำรวจ สอบถาม สัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth interview) การอบรม
ให้ความรู้ และติดตามประเมินผลการดำเนินการของเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง ระยะเวลาที่ดำเนินการคือมิถุนายน
2558 - กรกฎาคม 2559 ผลการศึกษาพบว่าตัวแทนของสถานประกอบการที่ผ่านการอบรมและทำหน้าที่
เป็นอาสาสมัครชุมชนจะทำหน้าที่คัดกรอง หากพบผู้ป่วยสงสัยจะแจ้งข่าวผ่านทางโทรศัพท์และไลน์กลุ่ม
ภายใน 24 ชั่วโมง โดยมีสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 กรุงเทพฯ และศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่เป็น
ศูนย์กลางในการรับแจ้งข่าว และสนับสนุนอุปกรณ์ และจากการติดตามอย่างต่อเนื่องทุก 3 เดือน และ 6 เดือน
ไม่พบผู้ที่เข้าเกณฑ์สงสัยโรคเมอร์สเพิ่มเติม ส่วนการตระหนักและรับรู้เกี่ยวกับโรคเมอร์สของบุคลากร
ในโรงแรมที่ผู้ป่วยเคยเข้าพัก พบว่ามีการแจ้งข่าวการระบาดให้แก่พนักงานโรงแรมและผู้ที่มาเข้าพักได้รับทราบ
ร้อยละ 81.2 แสดงให้เห็นถึงความตระหนักและความตื่นตัวในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรค โรงแรม
ได้ให้ความสำคัญต่อการสังเกตอาการของผู้เข้าพักในโรงแรม สำหรับผู้ที่สงสัยว่าเป็นโรคเมอร์สนั้น ได้มีการ
ดูแลอย่างใกล้ชิด โดยมีการแยกอาคารที่พักอย่างชัดเจน รวมทั้งมีการมอบหมายให้แม่บ้านทำหน้าที่สอดส่อง
ดูแลว่ามีผู้ป่วยสงสัยเพิ่มเติมหรือไม่ หากพบผู้ป่วยสงสัยว่าอาจจะติดเชื้อจะดำเนินการแยกผู้ป่วยเพื่อป้องกัน
การแพร่กระจายไปยังผู้อื่นได้ ส่วนการดำเนินงานของเครือข่ายที่เกี่ยวข้องบริเวณรอบโรงแรมที่เคยมีผู้ป่วย
เข้าพัก พบว่าในส่วนโรงแรม มัสยิด ร้านขายยา และคลินิกได้รับทราบและดำเนินการตามคำแนะนำของ
กรมควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด จากการศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าการป้องกันและควบคุมโรคเมอร์สร่วมกับ
เครือข่ายในชุมชนมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งต่อการรับมือกับการระบาดของโรคเมอร์ส ดังนั้นควรมีการ
ขยายการจัดตั้งทีมอาสาสมัครที่มีความเข้าใจในวัฒนธรรมและภาษาของชาวตะวันออกกลาง เพื่อทำหน้าที่
เป็นผู้สื่อสารข้อมูลไปยังผู้เดินทางจากประเทศแถบตะวันออกกลาง และนำรูปแบบการเฝ้าระวังป้องกัน

ควบคุมโรคเมอร์สมาเผยแพร่ให้กับสถานที่ที่ผู้เดินทางจากแถบตะวันออกกลางได้รับทราบผ่านทางช่องทางต่างๆ
ให้มากขึ้น เช่น Social media หรือสื่อต่างๆ เป็นต้น

เอกสารอ้างอิง

1. Centers for Disease Control and Prevention. Middle East Respiratory Syndrome (MERS):
About MERS. [Internet]. 2016 [cited 2016 Sep 30]; Available from: http://www.cdc.gov/
coronavirus/ mers/ about/index.html.
2. World Health Organization. Middle East respiratory syndrome coronavirus (MERS-CoV) – Saudi
Arabia. Disease outbreak news 4 January 2016. [Internet]. 2016 [cited 2016 June 19];
Available from: http://www.who.int/csr/don/4-january-2016-mers-saudi-arabia/en/.
3. สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค. โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางหรือโรคเมอร์ส. [อินเตอร์เน็ต].
2014 [สืบค้นเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2559]; เข้าถึงได้จาก: http://beid.ddc.moph.go.th/beid_2014/
sites/default/ les/upload/ les/mers_original190658.13.00.pdf.
4. กรมการท่องเที่ยว. สถิตินักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย ปี 2558. [อินเตอร์เน็ต]. [สืบค้น
เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2559]. เข้าถึงได้จาก: http://www.tourism.go.th/home/details/11/221/24710.
5. ไพฑูลย์ ไกรพรศักดิ์. โครงการวิเคราะห์อุปสงค์ต่อการท่องเที่ยวของกลุ่มนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศและ
จากกลุ่มประเทศตะวันออกกลางในประเทศไทย. สรุปรายงานการวิจัยชุด: ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ
ระหว่างประเทศไทยกับประเทศในตะวันออกกลาง. 2554 ; 25-41.
6. มณิศรี พันธุลาภ. นโยบายและการให้บริการทางด้านสุขภาพของกลุ่มประเทศตะวันออกกลางในประเทศไทย.
สรุปรายงานการวิจัยชุด: ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศไทยกับประเทศในตะวันออกกลาง.
2554; 5-24.
7. โครงสร้างงานโรงแรม : Hotel Organization Chart. [อินเตอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2560]; เข้าถึง
ได้จาก: http://hotelorganizationchart.blogspot.com/2012/01/hotel-organization-chart.html.
8. สำนักงานรับรองคุณภาพร้านยา. มาตรฐานร้านยา (Standard of Drugstores). [อินเตอร์เน็ต]. [สืบค้น
เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2560]; เข้าถึงได้จาก: http://www.pharmacycouncil.org/ index.php?
option=content&menuid=39.
9. อับดุลเลาะ หนุ่มสุข. บทบาทของมัสยิดในการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน. [อินเตอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อวันที่
11 กุมภาพันธ์ 2560]; เข้าถึงได้จาก: http://www.islammore.com/view/377.
10. พีระพล ศิริไพบูลย์. แนวทางการพัฒนาบทบาทอาสาสมัครสาธารณสุข ต่องานสาธารณสุขมูลฐาน กรณีศึกษา
เขตพญาไท. วารสารวิทยบริการ 2553 ; 21(2): 30-44.
11. สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค. Ebola Haemorrhagic Fever. [อินเตอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อวันที่
3 กันยายน 2559]. เข้าถึงได้จาก: http://www.boe.moph.go.th/fact/Ebola.htm.

เผยแพร่แล้ว

2017-09-30

รูปแบบการอ้างอิง

วัชราภรณ์ น., นุชเทียน เ., ดิษวิเศษ ว., สากลวารี ส., & เอี่ยมศิริถาวร โ. (2017). การพัฒนาเครือข่ายการเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคเมอร์ส ในผู้เดินทางชาวตะวันออกกลางในพื้นที่กรุงเทพมหานคร. วารสารวิชาการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 จังหวัดนครราชสีมา, 23(2), 5–14. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ODPC9/article/view/188913

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ