ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการป่วยวัณโรคปอดในผู้ป่วยเบาหวาน จังหวัดนครราชสีมา
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยเชิงวิเคราะห์แบบ Unmatched case-control เพื่อหาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์
กับการปว่ ยเปน็ วัณโรคปอดในผูป้ ว่ ยเบาหวาน จังหวัดนครราชสีมา เก็บขอ้ มูลจากการสัมภาษณด์ ว้ ยแบบสัมภาษณ์
และจากแบบคัดลอกเวชระเบียน การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย
และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยแบบตัวแปรเดี่ยว ใช้สถิติ Chisquare
test และ Simple logistic regression นำเสนอค่า Crude odds ratio (OR) และการวิเคราะห์ความสัมพันธ์
ระหว่างตัวแปร คราวละหลายๆ ตัวแปร โดยใช้สถิติการวิเคราะห์ถดถอยพหุลอจิสติก (Multiple logistic regression
analysis) และนำเสนอค่า Adjusted odds ratio (ORadj) ที่ช่วงความเชื่อมั่น 95% (95% CI)
ผลการศึกษาพบว่า จากผู้ป่วยเบาหวาน จำนวน 420 ราย ในกลุ่มศึกษาส่วนใหญ่ เป็นเพศชาย
ร้อยละ 51.5 มีอายุ 20 – 92 ปี อายุเฉลี่ย 58.8 + 12.9 ปี ในกลุ่มควบคุมส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ
60.4 มีอายุ 28 – 91 ปี อายุเฉลี่ย 60.8 + 10.9 ปี ผลจากการวิเคราะห์ถดถอยพหุลอจิสติส เมื่อควบคุม
ตัวแปรเพศและอายุ พบปัจจัยที่ที่มีความสัมพันธ์กับการป่วยเป็นวัณโรคปอดในผู้ป่วยเบาหวาน อย่างมีนัยสำคัญ
ทางสถิติ (P-value <0.05) ได้แก่ การมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนน้อยกว่า 5,000 บาท (ORadj=2.30; 95%CI=
1.39-4.13) ดัชนีมวลกายน้อยกว่า 18.5 (ORadj=0.33; 95%CI=0.16-0.67) การไม่ออกกำลังกาย
(ORadj=1.87; 95%CI=1.12-3.12) การพักอาศัยในบ้าน 2 ชั้นต่อเติมด้านล่าง/ห้องแถว/อาคารพาณิชย์
(ORadj=2.06; 95%CI=1.24-3.43) มีโรคความดันโลหิตสูง (ORadj=0.16; 95%CI=0.94-0.26)
จากผลการศึกษา จะเห็นว่าควรมีการคัดกรองวัณโรคปอดในผู้ป่วยเบาหวานอย่างต่อเนื่องทุกปี
โดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวานที่มีรายได้น้อย ขาดการออกกำลังกายอย่างสมํ่าเสมอ พักอาศัยในห้องแถวหรืออาคาร
พาณิชย์ ผู้ป่วยเบาหวานควรตระหนักว่าวัณโรคเป็นโรคติดเชื้อฉวยโอกาสของผู้ป่วยเบาหวาน และควรส่งเสริม
ให้มีการออกกำลังกายในผู้ป่วยเบาหวาน
เอกสารอ้างอิง
2. สถาบันวิจัยและประเมินเทคโนโลยีทางการแพทย์ กรมการแพทย์. รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ชุดโครงการวิจัย
ภาวะแทรกซ้อนทางคลินิกในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2. พิมพ์ครั้งที่ 1. นนทบุรี: สำนักงานกิจการโรงพิมพ์
องค์การทหารผ่านศึก; 2554.
3. สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 จังหวัดนครราชสีมา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. แผนที่ทางเดิน
วิจัย; 2554. [ม.ป.ท.].
4. World Health Organization [WHO]. Global tuberculosis report 2014. Geneva: WHO; 2014.
5. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา. การวิเคราะห์ระบบเฝ้าระวังโรค 5 มิติ ของงานวัณโรค. นครราชสีมา:
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา; (เอกสารอัดสำเนา), 2558.
6. สำนักวัณโรค กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางดำเนินงานควบคุมวัณโรคแห่งชาติ พ.ศ. 2556.
พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2556.
7. Schlesselman JJ, Stolley PD. Case-control studies: Design, conduct, analysis. New York: Oxford
University; 1982.
8. ประยูร แก้วคำแสน และพรนภา ศุกรเวทย์ศิริ. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการควบคุมระดับนํ้าตาลในเลือด
ในผู้ป่วยเบาหวาน ชนิดที่ 2 โรงพยาบาลสร้างคอม จังหวัดอุดรธานี. วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2556 ; 6(3) : 102-9.
9. Hsieh FY, Block DA, Larsen MD. A simple method of sample size calculation for linear and logistic
regression. Stat Med 1998 ; 1623-1634.
10. สุรชัย กิจติกาล และพรนภา ศุกรเวทย์ศิริ. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการป่วยวัณโรคปอดในผู้ป่วยเบาหวาน
จังหวัดหนองคาย. วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2556 ; 6(4) :124-131.
11. สมพร ขามรัตน์, พรนภา ศุกรเวทย์ศิริ. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการป่วยวัณโรคปอดในผู้ป่วยเบาหวาน
จังหวัดร้อยเอ็ด. วารสารวิชาการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จังหวัดขอนแก่น 2557 ;22(1):
22-32.
12. Olivia O, Megan M. Tuberculosis and Poverty: Why Are the Poor at Greater Risk in India. PLoS
ONE 2012; 7(11).
13. Khaliq A, Khan IH, Akhtar MW and Chaudhry MN. Environmental risk factors and social
determinants of pulmonary tuberculosis in Pakistan. Epidemiology (sunnyvale) 2015;5:3.
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารวิชาการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 จังหวัดนครราชสีมา ถือว่าเป็น
ลิขสิทธิ์ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 จังหวัดนครราชสีมา
