ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับของประชาชนอำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์

ผู้แต่ง

  • วิไลพร สาศิริ โรงพยาบาลรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์
  • พรนภา ศุกรเวทย์ศิริ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

คำสำคัญ:

พยาธิใบไม้ตับ, โรคพยาธิใบไม้ตับ, พฤติกรรม, กลุ่มเสี่ยง, การติดเชื้อซํ้า

บทคัดย่อ

โรคพยาธิใบไม้ตับ ยังคงเป็นปัญหาที่สำคัญทางด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
และภาคเหนือของประเทศไทย เนื่องจากประชาชนยังคงมีพฤติกรรมการบริโภคปลาดิบ ทำให้อัตราความชุก
ของโรคพยาธิใบไม้ตับสูงกว่าภาคอื่นๆ และจังหวัดสุรินทร์มีอัตราความชุกของพยาธิใบไม้ตับสูงกว่าระดับประเทศ
โดยเฉพาะอำเภอรัตนบุรีเป็นพื้นที่ลุ่มแม่นํ้ามูลอัตราความชุกพยาธิใบไม้ตับมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น การศึกษานี้ เป็นการ
ศึกษาแบบกลุ่มศึกษาและกลุ่มควบคุม (Case - control study) อัตราส่วน 1 : 2 โดยกลุ่มศึกษา คือ ผู้ที่ตรวจ
พบไข่พยาธิใบไม้ตับตั้งแต่ 1 ใบขึ้นไป ที่ได้รับการตรวจอุจจาระด้วยวิธี Kato’s thick smear technique ระหว่าง
เดือนตุลาคม พ.ศ.2557 ถึง เดือนกันยายน พ.ศ.2558 จำนวน 102 คน และกลุ่มควบคุม คือ ผู้ที่ตรวจ
ไม่พบไข่พยาธิใบไม้ตับ จำนวน 204 คน เพื่อหาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับของประชาชน
อำเภอรัตนบุรี เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและวิเคราะห์
ความสัมพันธ์แบบหลายตัวแปรด้วยการวิเคราะห์พหุถดถอยลอจีสติก นำเสนอขนาดความสัมพันธ์ด้วยค่า Adjusted
odds ratio (ORadj) และช่วงเชื่อมั่นที่ร้อยละ 95 (95% CI) กำหนดระดับนัยสำคัญที่ <0.05 โดยใช้โปรแกรม
STATA 10.00
ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับของประชาชนอำเภอรัตนบุรี
จังหวัดสุรินทร์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติคือ คนที่เคยรับประทานยาฆ่าพยาธิใบไม้ตับเสี่ยงต่อการติดเชื้อพยาธิ
ใบไม้ตับ 2.62 เท่า(ORadj = 2.62, 95% CI: 1.51 ถึง 4.58) คนที่รับประทานลาบปลาดิบเสี่ยงต่อการ
ติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ 2.14 เท่า(ORadj = 2.14, 95% CI: 1.08 ถึง 4.24)และผู้ที่อาศัยอยู่ใกล้แม่นํ้ามูล
ระยะทาง 10 กิโลเมตร เสี่ยงต่อการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ 1.81 เท่าของผู้ที่อาศัยอยู่ห่างจากแม่นํ้ามูล > 10
กิโลเมตร (ORadj = 1.81, 95% CI: 1.02 ถึง 3.20)
การศึกษาครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่า ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้แหล่งนํ้าในระยะทาง 10 กิโลเมตร
เป็นกลุ่มเสี่ยงในการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับมากที่สุด ดังนั้น ควรมีการให้ความรู้ที่ถูกต้อง และจัดกิจกรรมรณรงค์
การรับประทานอาหารที่ทำจากปลานํ้าจืดเกล็ดขาวปรุงสุกเพื่อให้ประชาชนมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค
ให้ถูกต้อง และไม่ติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับซํ้าอีก

เอกสารอ้างอิง

1. กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. รายงานผลการศึกษาสถานการณ์โรคหนอนพยาธิ และโปรโตซัว
ของประเทศไทย พ.ศ. 2552. กรุงเทพ ฯ: องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์;
2552.
2. พิศาล ไม้เรียง และเอมอร ไม้เรียง. การตรวจคัดกรอง วินิจฉัย และรักษามะเร็งท่อนํ้าดีของประเทศไทย.
วารสารอายุรศาสตร์อีสาน. 2557; 13 (3):167 – 182.
3. ณัฏฐวุฒิ แก้วพิทูลย์ และสรญาแก้วพิทูลย์. พยาธิใบไม้ตับในประเทศไทย. วารสารวิชาการ มอบ. 2553;
12 (1): 49 – 63.
4. สำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข. สรุปรายงานการเฝ้าระวังโรคประจำปี 2552. กรุงเทพ ฯ : องค์การ
สงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์; 2552.
5. Sithithaworn P, Andrews RH, Wongsaroj T, et al. The current status of Opisthorchiasis and
Clonorchiasisin the Mekong basin.ParasitolInt 2012;61(1):1–16.
6. Kaewpitoon SJ, Rujirakul R, Ueng - arporn N, et al. Community - based cross – sectional study
of carcinogenic human liver f l uke in elderly from Surin Province, Thailand. Asian Pac J Cancer
Prev 2012;13(9):4285–88.
7. กิตติพงษ์ พรมพลเมือง และปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์. การศึกษาปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคพยาธิใบไม้ตับ
ของประชาชนในพื้นที่อำเภอศรีบุญเรืองจังหวัดหนองบัวลำภู. Graduate ResearchConference 2014
KhonKaen University: 1882 – 88.
8. Kaewpitoon SJ, Kaewpitoon N, Rujirakul R, et al. The carcinogenic liver uke Opisthrochisviverrini
among rural community people in Northeast Thailand: a cross – sectional descriptive. study using
multistagesampling technique. Asian Pac J Cancer Prev 2015;16(17):7803-07.
9. กลุม่ งานเวชศาสตรค์ รอบครัวและหนว่ ยบริการปฐมภูมิ. สรุปรายงานการตรวจคัดกรองพยาธิ ปงี บประมาณ
2558. รัตนบุรีสุรินทร์: โรงพยาบาลรัตนบุรี, 2558.
10. กลุ่มงานเวชศาสตร์ครอบครัวและหน่วยบริการปฐมภูมิ. สรุปผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาพยาธิใบไม้ตับ
และมะเร็งท่อนํ้าดี ปีงบประมาณ 2558. รัตนบุรีสุรินทร์: โรงพยาบาลรัตนบุรี, 2558.
11. Schlesselman JJ.Case – control studies: Design, conduct, analysis.USA: Oxford University; 1982.
12. อินทิรา เทียมแสน. ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคพยาธิใบไม้ตับของประชาชนตำบลนํ้ารัด อำเภอหนองม่วงไข่
จังหวัดแพร่. [การค้นคว้าแบบอิสระปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต]. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัย
เชียงใหม่; 2551.
13. Hsieh FY, Bloch AD, Larsen MD. A simple method of sample size calculation for linear and
logistic regression. Stat in Med 1998; 17(14):1623 –34.
14. กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. การพัฒนารูปแบบการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการป้องกันโรคพยาธิ
ใบไม้ตับในชุมชน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. กรุงเทพฯ: คณะศึกษาศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์; 2552.
15. Thaewnongiew K, Singthong S, Kutchamart S, et al. Prevalence and risk factors for Opisthorchis
viverriniinfections in upper Northeast Thailand. Asian Pac J Cancer Prev2014;15(16):6609-12.
16. Saengsawang P, Promthet S, Bradshaw P.Reinfection by Opisthorchisviverrini after treatment with
Praziquantel. Asian Pac J Cancer Prev 2016;17(2):857-62.
17. วนิดา โชควาณิชย์พงษ์, อำไพ สารขันธ์, และศุลีพร แสงกระจ่าง. การสำรวจพฤติกรรมและทัศนคติ
การบริโภคปลาดิบและการเกิดมะเร็งท่อนํ้าดี. วารสารโรคมะเร็ง. 2552;29(4):162–75.
18. Wang Y, Feng C, & Sithithaworn P. Environmental determinants of Opisthorchisviverriniprevalence
in Northeast Thailand. Geospatial Health 2013;8(1):111–123.
19. Rangsin R, Mungthin M, Taamasri P, et al. Incidence and risk factors of Opisthorchisviverrini
infections in rural community in Thailand. Am J Trop Med Hyg 2009;81(1):152–55.
20. Suwannahitatorn P,Klomjit S, Naaglor T, et al. A follow – up study of Opisthorchisviverrini
infection after the implementation of control program in a rural community, Central Thailand.
Parasites &vector 2013;6(188):1–8.

เผยแพร่แล้ว

2017-03-31

รูปแบบการอ้างอิง

สาศิริ ว., & ศุกรเวทย์ศิริ พ. (2017). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับของประชาชนอำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์. วารสารวิชาการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 จังหวัดนครราชสีมา, 23(1), 41–51. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ODPC9/article/view/189041

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ