ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันการได้รับควันบุหรี่มือสอง ของนักเรียนมัธยมศึกษา โรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา
คำสำคัญ:
ควันบุหรี่มือสอง, พฤติกรรมการป้องกัน, นักเรียน, นครราชสีมาบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการป้องกันการได้รับควันบุหรี่มือสอง และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันการได้รับควันบุหรี่มือสอง ของนักเรียนมัธยมศึกษาโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนโรงเรียนสังกัดองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดนครราชสีมา จำนวน 405 คน สุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา นำเสนอด้วย จำนวน ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าสูงสุด ค่าต่ำสุด และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์หาความสัมพันธ์ด้วยการใช้สถิติวิเคราะห์ถดถอยพหุโลจิสติก (Multiple logistic regression) ผลการวิจัยพบว่า นักเรียนกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการป้องกันการได้รับควันบุหรี่มือสองอยู่ในระดับเพียงพอ ร้อยละ 84.94 และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันการได้รับควันบุหรี่มือสองของนักเรียนพบว่า นักเรียนหญิงมีพฤติกรรมการป้องกัน การได้รับควันบุหรี่มือสองเป็น 1.68 เท่า ของนักเรียนชาย (AOR = 1.68; 95%CI: 1.12-2.52; p-value = 0.013) นักเรียนที่มีการรับรู้ภาวะคุกคามของการได้รับควันบุหรี่มือสองในระดับเพียงพอจะมีพฤติกรรมการป้องกันการได้รับควันบุหรี่มือสองเป็น 1.70 เท่า ของกลุ่ม ที่มีการรับรู้ภาวะคุกคามของการได้รับควันบุหรี่มือสอง ในระดับไม่เพียงพอ (AOR = 1.70; 95%CI: 1.10-2.71; p-value = 0.026) และนักเรียนที่มีการรับรู้ความคาดควังของการป้องกันการได้รับควันบุหรี่มือสองในระดับเพียงพอ จะมีพฤติกรรมการป้องกันการได้รับควันบุหรี่มือสองเป็น 1.64 เท่า ของกลุ่มที่มีการรับรู้ภาวะคุกคามของการได้รับควันบุหรี่มือสองในระดับไม่เพียงพอ (AOR = 1.64; 95%CI: 1.10-2.49; p-value = 0.019) ทั้งนี้สามารถนำไปใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการกำหนดนโยบาย วางแผนการดำเนินงานควบคุม ป้องกัน เฝ้าระวัง และแก้ไขปัญหาการได้รับควันบุหรี่มือสองของนักเรียนมัธยมศึกษา โดยโรงเรียนควรมีการจัดกิจกรรม เพื่อสร้างการรับรู้ภาวะคุกคามของการได้รับควันบุหรี่มือสอง การรับรู้ความคาดควังของการป้องกันการได้รับควันบุหรี่มือสองให้กับนักเรียนอย่างต่อเนื่อง และเสริมสร้างความรู้ การรับรู้ต่างๆ ผ่านช่องทางที่เหมาะสมกับวิถีชีวิตประจำวัน
เอกสารอ้างอิง
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. ผลของควันบุหรี่มือสองต่อสุขภาพของผู้ที่ได้รับควันบุหรี่
[ออนไลน์]. เข้าถึงเมื่อ 28 พฤศจิกายน 2562 จาก https://www.thaihealth.or.th/Content/42932. 2561.
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. ควันบุหรี่มือสอง ภัยจากบุหรี่ที่เราไม่ได้สูบ. [ออนไลน์]. เข้าถึงเมื่อ 28 พฤศจิกายน 2562 จาก https://www.thaitobacco.or.th/th/2015/01/006812.html. 2560.
รุ่งราวี ทองกันยา และสุนิดา ปรีชาวงษ์. ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการหลีกเลี่ยงการได้รับควันบุหรี่มือสองของผู้ป่วยโรคเรื้อรังในกรุงเทพมหานคร. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2556.
ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ. การทบทวนวรรณกรรม “บ้านปลอดบุหรี่”. กรุงเทพฯ.เจริญดีมั่นคงการพิมพ์; 2560.
Rosenstock. I.M. The Health Belief Model and Prevention Behavior. Health Education Monographs, 1994; 2 : 354-385.
Harold O Kiess. Statistical Concepts for The Behavioral Sciences. Biston Allyn and Bacon; 1989.
บัณฑิต ถิ่นคำรพ. คู่มือปฏิบัติการชีวสถิติ: สำหรับศึกษาชีวสถิติด้วยตนเอง. ขอนแก่น. โรงพิมพ์คลังนานาวิทยา. 2540.
จักรพันธ์ เพ็ชรภูมิ และคณะ. ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมหลีกเลี่ยงการได้รับควันบุหรี่มือสองของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง. วารสารสาธารณสุขมหาวิทยาลัยบูรพา 2561; 13(2): 89-101.
สนอง คล้ำฉิม. ความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้อันตรายจากควันบุหรี่มือสองกับพฤติกรรมสุขภาพของสมาชิกครอบครัวที่มีผู้สูบบุหรี่. นครปฐม: มหาวิทยาลัยศิลปากร; 2551.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารวิชาการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 จังหวัดนครราชสีมา ถือว่าเป็น
ลิขสิทธิ์ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 จังหวัดนครราชสีมา
