ผลการจัดโปรแกรมการสร้างเสริมสุขภาพต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองและ ระดับความดันโลหิต ในผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ เขตเทศบาลเมืองหลังสวน อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร
คำสำคัญ:
โปรแกรมสร้างเสริมสุขภาพ, พฤติกรรมการดูแลตนเอง, ความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้บทคัดย่อ
การวิจัยทดลองครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการสร้างเสริมสุขภาพต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองและระดับความดันโลหิตในผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ ในชุมชน กลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 60 คน เป็นผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูงที่มีอายุ 60-79 ปี ที่มีความดันโลหิตมากกว่า 140/90 ในรายที่ไม่มีโรคเบาหวานร่วมด้วย และ
มีความดันโลหิตมากกว่า 130/80 ในรายที่มีโรคเบาหวานร่วมด้วย ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา สุ่มเลือกกลุ่มตัวอย่างจาก 2 ชุมชนเขตเทศบาลเมืองหลังสวน อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร เป็น
กลุ่มทดลอง (n=30)และกลุ่มเปรียบเทียบ(n=30) กลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมการสร้างเสริมสุขภาพ เป็นเวลา 10 สัปดาห์ การดำเนินการวิจัยเริ่มจากประเมินความดันโลหิตให้ความรู้เกี่ยวกับโรค การดูแลตนเองเมื่อป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง การป้องกันภาวะแทรกซ้อนและการเยี่ยมบ้านผู้ป่วยและติดตามทางโทรศัพท์ 2 ครั้ง ในขณะที่กลุ่มเปรียบเทียบได้รับการบริการตามปกติ เก็บข้อมูลโดยผู้วิจัย ได้รับแบบสอบถามก่อนและหลังได้รับโปรแกรม โดยแบบสอบถามผ่านการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาและความเที่ยงได้ค่าสัมประสิทธิ์อัลฟาของครอนบาคเท่ากับ 0.75
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ t-test ภายหลังการทดลอง พบว่ากลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยของความรู้โรคความดันโลหิตสูง คะแนนเฉลี่ยความเชื่อด้านสุขภาพด้านการรับรู้โอกาสเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน การรับรู้ความรุนแรงและพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วย สูงกว่าก่อนการทดลองและสูงกว่ากลุ่มเปรียบเทียบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-vale<0.01) ส่วนคะแนนเฉลี่ยด้านการรับรู้ประโยชน์ในการป้องกันโรคความดันโลหิตสูง กลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value>0.01) ส่วนกลุ่มทดลองและกลุ่มเปรียบเทียบมีคะแนนเฉลี่ยไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ (p-value 0.127) ในด้านระดับความดันโลหิต หลังการทดลอง กลุ่มทดลองค่าระดับความดันโลหิตตัวบนและค่าความดันโลหิตตัวล่างต่ำกว่าก่อนการทดลอง( p -value < 0.01)และต่ำกว่ากลุ่มเปรียบเทียบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ( p -value < 0.01)
ผลการวิจัยเสนอแนะให้บุคลากรทางสาธารณสุขนำโปรแกรมนี้ไปประยุกต์ใช้เพื่อส่งเสริมการดูแลตนเองในกลุ่มผู้ป่วยสูงอายุโรคความดันโลหิตสูงและโรคเรื้อรังในเขตชุมชนอื่นๆต่อไป
เอกสารอ้างอิง
2. กระทรวงสาธารณสุข กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. (2547) แบบสอบถามการเฝ้าระวังพฤติกรรมสุขภาพ เรื่องโรคความดันโลหิตสูง. กรุงเทพมหานคร: กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข.
3. จารุณี ปลายยอด,อรสา พันธ์ภักดี และชีวรัตน์ ต่ายเกิด.(2555) ผลของโปรแกรมการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการดูแลตนเองต่อการรับร้คู วามสามารถในการดูแลตนเอง น้ำหนักตัวและการควบคุมความดันโลหิตของผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง. รามาธิบดีวารสาร,18(2),223-235.
4. ทัศนีย์ เกริกกุลธร. (2545) ผลของโปรแกรมส่งเสริมการดูแลตนเองต่อความรู้การปฏิบัติกิจกรรมการดูแลตนเอง และการส่งเสริมการดูแลตนเองของผู้สูงอายุที่มีความดันโลหิต. วิทยานิพนธ์ พย.ด.กรุงเทพมหานคร : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล.
5. นพรัตน์ เจริญกิจ. (2549) รายงานการวิจัยเรื่องประสิทธิผลของโปรแกรมส่งเสริมการดูแลตนเองในกลุ่มเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูงในโรงพยาบาลบ้านโป่ง. ราชบุรี : โรงพยาบาลบ้านโป่ง.
6. ประชัน จันทร์สุข. และคณะ. (2548) รายงานการวิจัยเรื่อง ประสิทธิผลของการใช้กระบวนการกลุ่มช่วยเหลือตนเองต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งเต้านม. ชัยนาท :วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชัยนาท.
7. ประสบสุข ศรีแสนปาง และคณะ. (2546) “ประสิทธิผลของโปรแกรมส่งเสริมการดูแลตนเองต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงในโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น” วารสารสภา
พยาบาล. 28 (18) หน้า 58-62.
8. รุ้งราวรรณ พันธจักร. (2548) ผลการจัดโปรแกรมสุขศึกษาที่มีต่อความรู้ การรับรู้ และพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาลพยุหะคีรี.
วิทยานิพนธ์ ค.ม (สาขาการส่งเสริมสุขภาพ) นครสวรรค์: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์.
9. วิภา แก้วเคน. (2545) ผลของโปรแกรมการให้ความรู้ด้วยกระบวนการกลุ่มต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อม. วิทยานิพนธ์พย.ม. (สาขาการพยาบาลผู้ใหญ่) ขอนแก่น : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
10. วิมลนิจ สิงหะ. (2548) รายงานการวิจัยเรื่อง ผลของโปรแกรมการสร้างพลังต่อการรับรู้ความสามารถแห่งตน และระดับความดันโลหิตของผู้ที่มีความดันโลหิตสูงเกินระดับปกติในชุมชน. สระบุรี:วิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนี สระบุรี.
11. สมพร ตังควนิช และคณะ. (2549) รายงานการวิจัยเรื่อง ปัจจัยที่ส่งผลต่อการควบคุมความดันโลหิตของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงระดับรุนแรงตำบลสันมหาพน อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ :ศูนย์สุขภาพชุมชนสันมหาพน.
12. สุภัททา อินทศักดิ์. (2551) รูปแบบการบริการสุขภาพในการดูแลตนเองของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงตำบลนางบวช อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรบุรี. วิทยานิพนธ์ วท.ม. (สาธารณสุขชุมชน) มหาสารคาม : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
13. สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข (2558).จำนวนและอัตราผู้ป่วย/ตายด้วโรคความดันโลหิตสูง ปี2550-2557 สืบค้นเมื่อ10 มิถุนายน 2559
http://www.thaincd.com/document/file/download/paper-manual/Annual-report-2015.pdf
14. Apple, L. J. et al. (2003) “Effects of Comprehensive Lifestyle Modification on Blood Pressure Control : Main Results of the PREMIER Chinical Trial”
Journal of American Medical Association. Page 289, 2083-93.
15. Boonchun N.,et al.(2011) Effect of an Empowerment Program on Self- care Agency foe Elders with Hypertension.Journal of Nursing Science, 29(2).93-102.
16. Gilbert P. A. and Heiser, G. (2005) “Salt and health : the CASH and BPA perspective” British Nutrition Foundation Nutrition Bulletin. 30 Page 62-69.
17. Orem, D. E. (1995) Nursing Concepts of Practice. 5th ed. St.Louis : Mosby. U.S. Department of Health and Human Services. (December 2003) The Seventh Report of the Joint National Committee on Prevention, Detection, Evaluation, and Treatment of High Blood Pressure (JNC vii). Washington, D.C. : U.S. Depatement of Health and
Human Services.