ปอดอักเสบติดเชื้อที่เกิดในโรงพยาบาลและปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับเครื่องช่วยหายใจ ในผู้ป่วยผู้ใหญ่ที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ สาเหตุ ปัจจัยเสี่ยง ผลการรักษาและ ผลกระทบจากเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพ

ผู้แต่ง

  • พรวิมล ลี้ทอง โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี

คำสำคัญ:

ปอดอักเสบในโรงพยาบาล, ปอดอักเสบติดเชื้อที่เกิดในโรงพยาบาล, ปอดอักเสบที่ สัมพันธ์กับเครื่องช่วยหายใจ

บทคัดย่อ

               บทนำ : ปอดอักเสบติดเชื้อที่เกิดในโรงพยาบาลและปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับเครื่องช่วยหายใจเป็นสาเหตุของการป่วยและการตายที่สำคัญในผู้ป่วยที่รับรักษาในโรงพยาบาล ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่มีส่วนทำให้อัตราการตายสูงคือ เชื้อก่อโรคดื้อยาต้านจุลชีพ
              วัตถุประสงค์ : เพื่อทราบความชุกของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุ ลักษณะทางคลินิก ปัจจัยเสี่ยงของการดื้อยาของเชื้อก่อโรค การรักษาและผลการรักษาของผู้ป่วยปอดอักเสบติดเชื้อที่เกิดในโรงพยาบาลและปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับเครื่องช่วยหายใจ
              วัสดุและวิธีการ : การศึกษานี้เป็นแบบการเฝ้าระวังและติดตามผู้ป่วยผู้ใหญ่ที่เข้ารักษาในโรงพยาบาลสมุทรปราการที่เป็นปอดอักเสบติดเชื้อที่เกิดในโรงพยาบาลและปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับเครื่องช่วยหายใจตั้งแต่เดือนมกราคม 2560 ถึงเดือนพฤษภาคม 2561 โดยมีการเก็บข้อมูลตั้งแต่ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยจนกระทั่งผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลหรือเสียชีวิต
              ผลการศึกษา : มีผู้ป่วยจำนวนทั้งหมด 170 รายร้อยละ 66 เป็นเพศชาย อายุเฉลี่ย 70.4 ปี เป็นผู้ป่วยปอดอักเสบติดเชื้อที่เกิดในโรงพยาบาลร้อยละ 38.8 และปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับเครื่องช่วยหายใจร้อยละ 61.2 ผู้ป่วยร้อยละ 85.9 เป็นปอดอักเสบที่เกิดหลัง 4 วันโดยมีค่ามัธยฐานอยู่ที่ 14 วัน ค่าเฉลี่ยของจำนวนวันของการเกิดปอดอักเสบหลังใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ที่ 10 วัน ผู้ป่วยส่วนใหญ่เข้ารักษาในหอผู้ป่วยอายุรกรรมสามัญร้อยละ 58.2 และพบว่าร้อยละ 25.9 เป็นผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีความผิดปกติของทางเดินหายใจตั้งแต่แรกรับในโรงพยาบาล
โรคร่วมที่พบมากที่สุดคือ โรคเบาหวาน และโรคหลอดเลือดสมองคิดเป็นร้อยละ 40.6 และ 37.1 ตามลำดับ พบปอดอักเสบชนิด bronchopneumonia ถึงร้อยละ 52.4 และปอดอักเสบที่มีรอยโรคมากกว่าหนึ่งกลีบร้อยละ 19.4 เชื้อก่อโรคที่พบบ่อยที่สุดคือ A.baumaniiและร้อยละ 97.6 ของเชื้อดังกล่าวเป็นเชื้อดื้อยาหลายขนาน ส่วนเชื้อก่อโรคอื่นๆ ที่พบ ได้แก่ K.pneumoniae (Carbapenem resistant Enterobacteriaceae) , P.aeruginasa (MDR), S.multophiliaและ Methicillin-resistant S.aureus (MRSA) ยาที่ใช้รักษาในระยะแรกได้แก่ Carbapenemร้อยละ 47.1 และ Penicillin and derivative และ Colistinร้อยละ 25.3 ยาที่ผู้ป่วยได้รับตรงกับความไวของเชื้อถึงร้อยละ 61.8 และร้อยละ 46.5 มีการปรับเปลี่ยนยาต้านจุลชีพและที่สำคัญคือ Colisitin Quinolone และ Carbapenemโดยยาที่ปรับเปลี่ยนมีความสอดคล้องกับความไวของเชื้อถึงร้อยละ 92.4 ผู้ป่วยร้อยละ 62.4 ได้รับการใส่เครื่องช่วยหายใจระยะเวลาการใช้เครื่องช่วยหายใจประมาณ 11 วัน ผู้ป่วยร้อยละ 21.8 ได้รับการรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤต ระยะเวลาที่อยู่ในหอผู้ป่วยวิกฤตเฉลี่ย 17 วัน และระยะเวลาที่ผู้ป่วยได้รับการรักษาในโรงพยาบาลเฉลี่ย 16 วัน ผู้ป่วยตอบสนองต่อการรักษาใน 72 ชั่วโมง ถึงร้อยละ 64.1 โดยมีอัตราการตายจากปอดอักเสบที่ 72 ชั่วโมง เมื่อสิ้นสุดการรักษาและเมื่อ 30 วันหลังการรักษาคิดเป็นร้อยละ 16.5 54.1 และ 50.0 ตามลำดับ ปัจจัยที่สัมพันธ์กับผลการรักษาใน 72 ชั่วโมงได้แก่การเกิด septic shock ปอดอักเสบหลายกลีบ ปอดอักเสบที่เป็นสองข้าง และเคยมีประวัติการใช้ carbapenemภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเกิดปอดอักเสบ ส่วนปัจจัยที่สัมพันธ์กับการเสียชีวิตที่สิ้นสุดการรักษาและวันที่ 30 ของการรักษาได้แก่การเกิด severe sepsis septic shock เคยใช้ Carbapenemภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเกิดปอดอักเสบ การติดเชื้อดื้อยาหลายขนานของเชื้อ A.baumaniiและ P.aureuginosaและปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดเชื้อดื้อยาได้แก่การเกิดปอดอักเสบหลังจากนอนโรงพยาบาลนาน และการได้รับกลุ่ม Carbapenemภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเกิดปอดอักเสบ
              สรุป : ปอดอักเสบติดเชื้อที่เกิดในโรงพยาบาลและปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับเครื่องช่วยหายใจเป็นปัญหาที่สำคัญของการเกิดการติดเชื้อในโรงพยาบาลสมุทรปราการ พบเป็นเชื้อดื้อยาหลายขนาน มีอัตราการตายสูง ข้อมูลที่ศึกษานี้น่าจะมีประโยชน์ในการพิจารณาเลือกใช้ยาต้านจุลชีพที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยซึ่งน่าจะทำให้ลดอัตราการตายและลดโอกาสการเกิดเชื้อดื้อยาได้

เอกสารอ้างอิง

1. Guidelines for the management of adults with hospital-acquired, ventilator -associated, and healthcare-associated pneumonia, Am J RespirCrit Care Med. 2005;171(4):388-416.

2. Danchaivijitr S, Jadaeng T, Sripalakij S, Naksawas K, Plipat T. Prevalence of nosocomial infection in Thailand 2006. J Med Assoc Thailand. 2007;90(8):1524-9.

3. Werarak P, Kiratisin P, Thamlikitkul V. Hospital-acquired pneumonia and ventilator-associated pneumonia in adults at Siriraj Hospital: etiology, clinical outcomes, and impact of antimicrobial resistance. J Med Assoc Thailand. 2010;93 Suppl 1:S126-38.

4. Reechaipichitkul W, Phondongnok S, Bourpoern J, Chaimanee P. Causative agents and resistance among hospitalacquired and ventilator-associated pneumonia patients a Srinagarind Hospital, northeastern Thailand. Southeast Asian J Trop Med Public Health. 2013;44(3):490-502.

5. Chung DR, Song JH, Kim SH, Thamlikitkul V, Huang SG, Wang H, et al. High prevalence of multidrug-resistant nonfermenters in hospital-acquired pneumonia in Asia. Am J Res Crit Care Med. 2011;84(12):1409-17.

6. Inchai J, Pothirat C, Liwsrisakun C, Deesomchok A, Kositsakulchai W,Chalermpanchai N. Ventilator-associated pneumonia: epidemiology and prognostic indicators of 30-day mortality. Jpn J Infect Dis. 2015;68(3):181-6.

7. Chittawatanarat K, Jaipakdee W, Chotirosniramit N, Chandacharm K, Jirapongcharoenlap T. Microbiology, resistance patterns, and risk factors of mortality in ventilator-associated bacterial pneumonia in a Northern Thai tertiary-care university based general surgical intensive care unit. Infect Drug Resist. 2014;7:203-10.

8. Nseir S, Favory R, Jozefowicz E, Decamps F, Dewavrin F, Brunin G, et al. Antimicrobial treatment for ventilator-associated tracheobronchitis: a randomized, controlled, multicenterstudy. Crit Care (London, England). 2008;12(3):R62

9. Leone M, Bechis C, Baumstarck K, Lefrant JY, Albanese J, Jaber S, et al. De-escalation versus continuation of empirical antimicrobial treatment in severe sepsis: a multicenter non-blinded randomized noniferiority trial. Intensive Care Med. 2014;40(10);1399-408.

10. Tablan OC, Anderson LJ, Besser R, Bridges C, Hajjeh R. Guidelines for preventing health-care—associated pneumonia, 2003: recommendations of CDC and the Healthcare Infection Control Practices Advisory Committee. MMWR Recomm Rep. 2004;53(Rr-3):1-36.

11. Klompas M, Branson R, Eichenwald EC, Greene LR, Howell MD, Lee G, et al. Strategies to prevent ventilator-associated pneumonia in acute care hospitals:2014 update. Infect Control HospEpidemiol. 2014;35 Suppl 2:S133-54.

12. Kalil Ac, Metersky ML, Klompas M, Muscedere J, Sweeney DA, Palmer LB, et al. Management of Adults With Hospital-acquired and Ventilator-associated Pneumonia: 2016 Clinical Practice Guidelines by the Infectious Diseases Society of America and the American Thoracic Society. ClinInfect Dis. 2016;63(5):e61-e111.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2019-04-01

รูปแบบการอ้างอิง

ลี้ทอง พ. (2019). ปอดอักเสบติดเชื้อที่เกิดในโรงพยาบาลและปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับเครื่องช่วยหายใจ ในผู้ป่วยผู้ใหญ่ที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ สาเหตุ ปัจจัยเสี่ยง ผลการรักษาและ ผลกระทบจากเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพ. วารสารวิชาการแพทย์เขต 11, 33(2), 181–196. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/Reg11MedJ/article/view/215707

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ