การใช้โมเดลเชิงทำนายในการช่วยทำนายโอกาสของผู้มารับบริการในห้องฉุกเฉิน ที่จะไม่ชำระค่าบริการหลังการรักษา
คำสำคัญ:
Uncompensated hospital care, charity care, predicting modelบทคัดย่อ
บทนำ
ผู้ป่วยฉุกเฉินจำนวนหนึ่งไม่สามารถชำระค่าบริการหลังการรักษาให้แก่โรงพยาบาลตามกำหนดได้ (uncompensated hospital care) ทำให้เกิดผลเสียต่าง ๆ ของโรงพยาบาลตามมาหลายด้าน ทั้งกับผู้ป่วย โรงพยาบาล ไปจนถึงบุคคลากร
วัตถุประสงค์
เพื่อพัฒนาเครื่องมือในการทำนายแนวโน้มของผู้มารับบริการ ที่จะไม่ชำระค่าบริการหลังการรักษา ด้วยวิธีโมเดลเชิงทำนาย (predictive model)
วิธีการศึกษา
วิธีการศึกษา การศึกษาในห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์โดยเป็นการศึกษาแบบย้อนหลัง (retrospective cohort) โดยเก็บข้อมูลจากเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์ (electronic medical record) ตั้งแต่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2561 ถึง 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 และสร้างเป็นโมเดลเชิงทำนาย
ผลการศึกษา
ผู้ป่วยทั้งหมด 93,753 ราย ผลการวิเคราะห์ ผลการวิเคราะห์พหุตัวแปร (multivariate analysis) พบว่าปัจจัยเสี่ยงที่ผู้มารับบริการจะไม่ชำระค่ารักษาพยาบาล ได้แก่ ช่วงอายุ 25-40 และ 41-59 ปี จะมี โอกาสเสี่ยง 1.38 เท่าเทียบกับอายุน้อยกว่า 25 ปี เพศชาย 1.46 เท่า เมื่อเทียบกับเพศหญิง ผู้ป่วยที่มาใช้ บริการในเวรดึก 1.21 เท่าเทียบกับในเวลาอื่น ๆ ผู้ป่วยสิทธิ์การรักษาประกันสุขภาพถ้วนหน้าส่งต่อและชำระเงินสด 2.32 และ 2.28 เท่าตามลำดับ เมื่อเทียบกับสิทธิ์การรักษาเบิกจ่ายตรง/ประกันสุขภาพถ้วนหน้า (30 บาท)/เบิกได้/ประกันสังคม ผู้ป่วยสัญชาติเอเชียและอเมริกัน 1.28 และ 1.62 เท่าตามลำดับ เมื่อเทียบกับสัญชาติอื่น ๆ ผู้ป่วยมาใช้บริการที่โซน Holding Area, Non-Trauma, Resuscitation และ Trauma 3.25, 2.26, 2.52 และ 1.65 เท่า ตามลำดับเทียบกับโซน Urgent Care เมื่อพิจารณาผู้มารับ บริการที่ไม่ชำระค่าใช้จ่ายเกิน 1,000 บาท เพื่อสร้างตัวแบบโมเดลการทำนายด้วย risk score และ optimal cut off value จากการคำนวณโดย Youden’s index คือ 20 ทั้งนี้จึงแบ่งผู้ป่วยออกเป็นกลุ่มเสี่ยงต่ำ risk score 0-19 และเสี่ยงสูง risk score 20 ขึ้นไป โดยเมื่อเทียบระหว่างกลุ่มเสี่ยงสูงเทียบกับ กลุ่มเสี่ยงต่ำจะได้ OR 8.42 (6.77 – 10.5), sensitivity 76.7, specificity 71.9, PPV 4.3, NPV 99.5, AUC 0.74
สรุปผลการศึกษา ปัจจัยเสี่ยงของผู้มำรับบริการที่จะไม่ชำระค่ารักษำพยาบาลคือ อายุ 25-59 ปี, เพศชาย, เวลาที่มารับบริการช่วงเวรดึก, สิทธิการรักษาที่ไม่สามารถเบิกได้, สัญชาติเอเชียและอเมริกา และโซนที่ผู้ป่วย มาใช้บริการที่ไม่ใช่ urgent care ซึ่งโมเดลเชิงทำนาย เพื่อหาโอกาสการไม่ชำระค่าบริการที่มากกว่า 1,000 บาท เมื่อ risk score มากกว่า 19 นั้นถือว่าเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการที่จะไม่ชำระค่ารักษาพยาบาล
เอกสารอ้างอิง
Atkinson G, Helms WD, Needleman J. State trends in hospital uncompensated care. Health affairs 1997;16(4):233-41.
Friedman E. Hospital uncompensated care:crisis?. Jama 1989;262(21):2975-77.
Camilleri S, Diebold J. Hospital uncompensated care and patient experience: An instrumental variable approach. Health serv res 2019;54:603-12.
Bristow RL. Uncompensated care. Jama 1986;255(6):796.
Zhang W. Uncompensated care for children without insurance or from low-income families in a chinese children’s hospital. Med sci monit 2014;20:1162-7.
Chen J, Brien MO. Latino population growth and hospital uncompensated care in california. Am j public health 2015;105(8):1710–1717.
Kilpatrick KE. Uncompensated care provided by private practice physicians in florida. Health serv res 1991;26(3):277–302.
Stewart J, Sprivulis P. Artificial intelligence and machine learning in emergency medicine. Emergency medicine australasia 2018;30(6):870-4.
Taylor RA, Moore CL, Cheung KH. Predicting urinary tract infections in the emergency department with machine learning. Plos one 2018;13(3):e0194085.
Koyner JL, Carey KA, Edelson DP, Churpek MM. The development of a machine learning Inpatient acute kidney injury prediction model. Critical care medicine 2018;46(7):1070-77
Cameron A, Ireland AJ, Mckay GA, Stark A, Lowe DJ. Predicting admission at triage: are nurses better than a simple objective score?. Emergency medicine journal 2017;34:2-7.
Swaminathan S, Qirko K, Smith T. A machine learning approach to triaging patients with chronic obstructive pulmonary disease. Plos one 2017;12(11):e0188532.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 วิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับตีพิมพ์ในวารสารเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย ถือเป็นเป็นลิขสิทธิ์ของ วิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย
กรณีที่บทความได้รับการตีพิมพ์ในวารสารเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทยแล้ว จะตีพิมพ์ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ไม่มีสำเนาการพิมพ์ภายหลังหนังสือเผยแพร่เรียบร้อยแล้ว ผู้นิพนธ์ไม่สามารถนำบทความดังกล่าวไปนำเสนอหรือตีพิมพ์ในรูปแบบใดๆ ที่อื่นได้ หากมิได้รับคำอนุญาตจากวารสารเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย
