การจัดการกีฬามวลชนด้วยเครือข่ายสังคม

Main Article Content

ดารณี ลิขิตวรศักดิ์
สุพิตร สมาหิโต
เกษม นครเขตต์

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาบทบาทและหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกีฬาเพื่อมวลชนและสร้างการพัฒนากีฬามวลชนด้วยเครือข่ายสังคม เก็บรวบรวมข้อมูลจากการตอบแบบสอบถามของสมาชิกชมรมการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพจำนวน 179 ชมรม โดยกำหนดกลุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multistage Stage Sampling) การสัมภาษณ์เชิงลึกผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 9 คน และการสนทนากลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านกีฬามวลชน การพัฒนาสังคม ผู้ที่ทำงานด้านเครือข่ายทางสังคม และการจัดการกีฬา จำนวน 10 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง ตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือ โดยใช้วิธีการของครอนบาค (Cronbach’s Alpha Coefficient) ได้ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.85 และหาค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา ด้วยวิธีการหาค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC)


          ผลการวิจัยพบว่า


  1. บทบาทและหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกีฬามวลชน คือ ชมรมและเครือข่ายต้องดำเนินงานร่วมกันโดยมีช่วงเวลาและความถี่ในการติดต่อเพื่อจัดกิจกรรมการส่งเสริมการออกกำลังกาย และเล่นกีฬาอย่างสม่ำเสมอ นับเป็นปัจจัยสำคัญที่จะพัฒนากีฬามวลชนด้วยเครือข่ายสังคมให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืน

  2. การจัดการและพัฒนากีฬามวลชนด้วยเครือข่ายสังคมที่เหมาะสม โครงสร้างองค์กรเครือข่ายสังคม ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ องค์กรภาครัฐ องค์กรภาคเอกชน และองค์กรภาคประชาชน โดยมีลักษณะการรวมตัวกันอย่างไม่เป็นทางการ ตามวัตถุประสงค์ของการดำเนินกิจกรรม ระบบการดำเนินงานใช้ระบบอาสาสมัครร่วมกับบุคลากรประจำ ทั้งนี้กำหนดบทบาทให้ภาคเอกชนเป็นผู้ขับเคลื่อนหลักภาครัฐมีบทบาทเป็นผู้สนับสนุนนโยบาย และภาคประชาชน มีบทบาทเป็นผู้ปฏิบัติและกำหนดทิศทางการดำเนินงานให้สอดคล้องกับนโยบายจากภาครัฐ โดยมีกลไกการดำเนินงานแบบผสมผสานระหว่างความเป็นทางการและไม่เป็นทางการ

          ข้อค้นพบจากการวิจัยครั้งนี้  ทำให้ทราบถึงปัจจัยที่มีส่วนผลักดันให้เกิดการพัฒนาและสร้างความร่วมมือระหว่างเครือข่ายสังคมเพื่อการการพัฒนาการออกกำลังกายและการกีฬาเพื่อมวลชน

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ลิขิตวรศักดิ์ ด. . ., สมาหิโต ส. . ., & นครเขตต์ เ. . (2020). การจัดการกีฬามวลชนด้วยเครือข่ายสังคม. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ, 12(2), 26–39. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/TNSUJournal/article/view/244396
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

Boissevain, J. (1974). Friend of Friend: Networks, Manipulators and Coalitions. Oxford: Basil Blackweel.

Faculty of Sports Science, Kasetsart University. (2015). Evaluation Project of National Development Plan 5 (2012-2016) Half term plan. Copied documents.

Hamer, M. and Y. Chida. (2009). “Physical activity and risk of neurodegenerative disease: A systematic review of prospective evidence.” Psychological Medicine, 39, 3-11.

Kasem Nakornkhet. (2011). Social Network Theory. Nonthaburi: Health Alliance Project, Ministry of Public Health.

Khaw, K. T., N. Wareham, S. Bingham, A. Welch, R. Luben and N. Day. (2008). Combined impact of health behaviours and mortality in men and women: The EPIC-Norfolk Prospective Popoulation Study”. Obstetrical & Gynecological Survey, 63, 376-377.

Ornish, D., J. Lin, J. L. Daubenmier, G. Weidner, E. Epel, C. Kemp and E.H. Blackburn. (2008). Increased telomerase activity and comprehensive lifestyle changes: A pilot study. The Lancet Oncology, 9, 1048-1057.

Parichart Sathapitanon and Chaiwat Thirapan. (2003). Communication with Social Network. Bangkok: Local Development Institute.

Phra Maha Sutit Apakro. (2005). Network: Nature, knowledge and Management. Bangkok: Learning and empowerment for healthy community project.

Scheuing, E. (1994). The power of partnering. New York: Amacom.

Sui, X., J. Laditka, T. Church, J. Hardin, N. Chase, K. Davis and S. Blair. (2009). Prospective study of cardiorespiratory fitness and depressive symptoms in women and men. Journal of Psychiatric Research, 43, 546-552.

Wasserman, S. K. Faust. (1999). Social Network Analysis: Method and Applications. Cambridge: Cambridge University Press.

Weerasak Krueathep. (2007). Network: Innovation of Work of Local Administrative Organizations. Bangkok: CNO design.