การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้พลศึกษาตามอุดมการณ์โอลิมปิกเพื่อสร้างเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและประเมินประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ พลศึกษาตามอุดมการณ์โอลิมปิกเพื่อสร้างเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โดยกลุ่มตัวอย่างในงานวิจัยนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 32 คน ได้มาจากการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง และใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่ายโดยการจับสลากแบ่งเป็นกลุ่มทดลอง 16 คน และกลุ่มควบคุม 16 คน ผ่านการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือโดยผู้ทรงคุณวุฒิ ทำการทดลองเป็นเวลา 8 สัปดาห์ และเก็บข้อมูลจำนวน 3 ครั้ง โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบด้วย (1) แบบทดสอบวัดความรู้วิชาพลศึกษาที่มีค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาเท่ากับ .80 (2) แบบทดสอบสมรรถภาพทางกายมีค่าดัชนีความสอดคล้องเท่ากับ 1.00 (3) แบบประเมินพฤติกรรมที่ส่งเสริมอุดมการณ์โอลิมปิกในด้านความมีมิตรภาพ และ (4) แบบประเมินพฤติกรรมที่ส่งเสริมอุดมการณ์โอลิมปิกในด้านความเคารพให้เกียรติซึ่งกันและกัน มีค่าความ เที่ยงตรง เท่ากับ .90 และ .83 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพื้นฐานและสถิติวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบวัดซ้ำ ทดสอบด้วยสถิติ ที ที่ระดับความมีนัยสำคัญทางสถิติ .05
ผลการวิจัย พบว่า 1) รูปแบบการจัดการเรียนรู้พลศึกษาตามอุดมการณ์โอลิมปิกที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีองค์ประกอบที่สำคัญ คือ (1) หลักการ แนวคิด และอุดมการณ์โอลิมปิก (2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบ (3) เนื้อหา (4) ขั้นตอนการเรียนการสอน และ (5) การประเมินผล ซึ่งประกอบด้วย 8 แผนการเรียนรู้ ได้แก่ 1) การวิ่งระยะสั้น 2) การวิ่งผลัด 3) พุ่งแหลน 4) ขว้างจักร และ 5) ทุ่มน้ำหนัก 6) กระโดดสูง 7) กระโดดไกล 8) การแข่งขันมินิยูธโอลิมปิกโบราณและโอลิมปิกสมัยใหม่ มีประสิทธิผลในการส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและสามารถเห็นคุณค่าของอุดมการณ์โอลิมปิกทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ (1) ด้านความยอดเยี่ยม (2) ด้านความมีมิตรภาพ (3) ด้านความเคารพให้เกียรติซึ่งกันและกัน 2) หลังการทดลองคะแนนด้านความรู้ และพฤติกรรมการอยู่ร่วมกันอย่างสันติของกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
Article Details
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับวารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
เอกสารอ้างอิง
Binder, D. L. (2000). Be a champion in life: International teacher’s resource book. Athens: Foundation of Olympic and Sport Education.
Binder, D. L. (2010). Teaching Olympism in schools: OlympicEducation as a focus on values education. Bellaterra: Centre d’Estudis Olímpics (UAB).
Croll, P., Attwood, G., Fuller, C., & Last, K. (2008). The structure and implications of Children’s attitudes to school. British Journal of Educational Studies.
Gessman, R. (1992). Olympische Erziehung in der Schule unter besonderer Berueksichtigungdes Fair-play Gedankens [Olympic education and its school application. Olympic education in schools within the special context of the fair play idea]. Paper presented at the Proceedings of the First National Teacher Professional Workshop of the National Olympic Committee of Germany, Olympia, Greece, September 7-15.
Hastie, P.A. (2006). Teaching elementary physical education: strategies for the classroom teacher. U.S.A.: Pearson Benjamin Cumming is a trademark of Pearson Education.
Joyce, B. R., and Weil, Marsha. (1996). Model of Teaching. 4rd ed. Englewood cliffs, New Jersey: Prentice-Hall Inc.
International Olympic Committee. (2013). Olympic Charter. Did We Do S.a.r.l., Lausanne, Switzerland.
Kohlberg, L. (1976). Moral stage and moralization : The cognitive development and behavior: Theory research and social issues. New York: Holt, Reinhart and Winston.
Kultida Maopech. (2010). The development of a physical education instructional model based on theory of multiple intelligences to improve physical education learning achievement of elementary school students. Doctor of Philosophy Degree in Physical Education, Chulalongkorn University. [in thai]
Ministry of Education. (2008). The basic education core curriculum B.E. 2551 (A.D.2008). Bangkok: Office Of The Basic Education Commission. [in thai]
Nantawan Wongprasert. (2014). Guidelines for physical education learning Management for students with special needs: case studies of the welfare education school. Master of Education Degree in Physical Education, Chulalongkorn University. [in thai]
Office of the Permanent Secretary, Ministry of Education. (2012). Thai Education Master Plan 11 B.E. 2555–2559. [in thai]
Supitr Samahito. (2012). Journal Olympic Day 2012. National Olympic Committee of Thailand, Bangkok . [in thai]
Tanin Boonyalongkorn. (2004). The lower secondary school student’s attitude towards physical education subjects based on basic education curriculum B.E. 2544.
Master of Education Degree in Physical Education Chulalongkorn University. [in thai]
Tissana Khammanee. (2008). Teaching-Learning Model. Bangkok : Chulalongkorn University. [in thai]
Tissana Khammanee. (2010). Science of teaching pedagogy. Bangkok : Chulalongkorn University. [in thai]
Worasak Phianchop. (2005). Including articles on philosophy, principles, methods of teaching and measurement for physical evaluation. Bangkok: Chulalongkorn University. [in thai]
