การพัฒนาสมรรถภาพทางกายเพื่อช่วยในการทรงตัว และป้องกันการหกล้มในผู้สูงอาย

Main Article Content

อาพัทธ์ เตียวตระกูล
อาทิตยา วังวนสินธ

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการหกล้มในผู้สูงอายุและสมรรถภาพทางกายของผู้สูงอายุ 2) เพื่อสร้างแนวทางในการพัฒนาสมรรถภาพทางกายเพื่อช่วยในการทรงตัวและป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ 3) เพื่อทดลองใช้แนวทางการพัฒนาสมรรถภาพทางกายเพื่อช่วยในการทรงตัวและป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ 4) เพื่อประเมินสมรรถภาพทางกายในการทรงตัวและป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุภายหลังจากการได้รับการพัฒนาสมรรถภาพทางกาย การดำเนินการวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน คือ 1)การศึกษาปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการหกล้มในผู้สูงอายุและสมรรถภาพทางกายของผู้สูงอายุ 2) การสร้างแนวทางการพัฒนาสมรรถภาพทางกายเพื่อช่วยในการทรงตัวและป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ 3) การทดลองใช้แนวทางการพัฒนาสมรรถภาพทางกายเพื่อช่วยในการทรงตัวและป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม แนวคำถามการสนทนากลุ่ม แบบทดสอบสมรรถภาพทางกายสหรับผู้สูงอายุ และแผนการจัดกิจกรรมการพัฒนาสมรรถภาพทางกายเพื่อช่วยในการทรงตัวและป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์เปรียบเทียบสมรรถภาพทางกายของผู้สูงอายุระหว่างก่อนกับหลังการทดลอง และการวิเคราะห์เนื้อหา


ผลการวิจัยพบว่าปัจจัยเสี่ยงที่ทให้เกิดการหกล้มในผู้สูงอายุ ประกอบด้วย ความเสื่อมสภาพของร่างกาย มีโรคประจตัว ไม่มีคนดูแล อุบัติเหตุจากการปั่นจักรยาน และไม่ออกกลังกาย ผลการสร้างแนวทางในการพัฒนาสมรรถภาพทางกายของผู้สูงอายุเพื่อช่วยในการทรงตัวและป้องกันการหกล้ม จากผลการศึกษาในขั้นตอนที่ 1 และตามหลักการพัฒนาความฉลาดทางสุขภาพ และหลักการเรียนรู้ของผู้ใหญ่นำมาจัดทแผนการจัดกิจกรรมการพัฒนาสมรรถภาพทางกายเพื่อช่วยในการทรงตัวและป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ ผลการตรวจสอบแนวทางการพัฒนาสมรรถภาพทางกายเพื่อช่วยในการทรงตัวและป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ พบว่ามีความเหมาะสมในระดับมาก ผลการทดสอบและพัฒนาแนวทางที่เหมาะสมในการพัฒนาสมรรถภาพทางกายมีการปรับแนวทางการดำเนินการให้เหมาะสมตามสถานการณ์จริงโดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในชุมชน ผลการประเมินสมรรถภาพทางกายในการทรงตัวและป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุภายหลังจากการได้รับการพัฒนาสมรรถภาพ พบว่าสมรรถภาพทางกายของผู้สูงอายุที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาสมรรถภาพทางกายเพื่อช่วยในการทรงตัวและป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุหลังการ
ทดลองดีขึ้นกว่าก่อนการทดลอง

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
เตียวตระกูล อ. ., & วังวนสินธ อ. . (2019). การพัฒนาสมรรถภาพทางกายเพื่อช่วยในการทรงตัว และป้องกันการหกล้มในผู้สูงอาย. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ, 11(1), 74–92. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/TNSUJournal/article/view/246286
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

คณะกรรมการส ่งเสริมและประสานงานผู้สูงอายุแห ่งชาติ. (2545). แผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2545–2564). สำนักนายกรัฐมนตรี. กรุงเทพฯ.

แดนเนาวรัตน์จามรจันทร์,จิตอนงค์ก้าวกสิกรรม และสุจิตรา บุญหยง. (2548).การศึกษาเรื่องการทรงตัวและหกล้มในผู้สูงอายุไทย. กรุงเทพฯ: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และสำนักงานกองทุนสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.).

แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห ่งชาติฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560–2564). (2559, 29 ธันวาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 133 ตอนที่ 115 ก. หน้า 1-215.

มูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์. (2554). ชุดความรู้เบื้องต้น คู่มือการป้องกันโรคกระดูกพรุนสำหรับประชาชน. กรุงเทพฯ: Nextstep D-sign.

วิชัย เอกพลากร (บก.). (2553). การหกล้มในผู้สูงอายุ. รายงานการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกายครั้งที่ 4 พ.ศ. 2551-2552. สำนักงานสำรวจสุขภาพประชาชนไทยสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข. นนทบุรี.

วิภาวี ลักษณากร. (2554). ผลของการออกกำลังกายต่อความหนาแน่นของมวลกระดูก การหกล้ม ปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพในผู้หญิงสูงอายุ. มูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย. สืบค้นเมื่อ 11 กุมภาพันธ์2559 จาก http://www.topf.or.th/read_hotnews_detail.php?dID=52

วิภาวี หม้ายพิมาย. (2556).การหกล้มในผู้สูงอายุ..ปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม. ภาควิชาการพยาบาลรากฐาน คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. สืบค้นเมื่อ 15 กุมภาพันธ์2559 จาก http://www.ns.mahidol.ac.th/english/th/ns_academic/56/08/old_th.html

ศรีวรรณ ปัญติ. (มปป.). คู่มือปฏิบัติการ การตรวจสมรรถภาพทางกายในผู้สูงอายุ. ภาควิชากายภาพบำบัด คณะเทคนิคการแพทย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

สำนักงานสถิติแห่งชาติกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร. (2550).รายงานการสำรวจประชากรสูงอายุในประเทศไทย พ.ศ. 2550. สืบค้นเมื่อ 20 มกราคา 2559 จาก http://www.servicenso. go.th/nso/nso_center/project/search_center/23project-th.htm

อุดม เพชรสังหาร. (2557). การหกล้มในผู้สูงอายุ. โลกวันนี้วันสุข, 10(471), 46.

เอกศักดิ์ เฮงสุโข. (2557). ศักยภาพของชุมชนในการสร้างเสริมสุขภาพด้วยการการออกกำลังกายของผู้สูงอายุ. วารสารวิจัยมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต, 3(10), 129-142.

Campbell, A.J., Borrie, M.J., & Spear, G.F. (1989). Risk factors for falls in a community-based prospective study of people 70 years and older. Journals of Gerontology, 44(1), 12-17

Chang, J.C., Morton,S.C.,Rubenstein,L.Z., Mojica, M.M.,Suttorp, M.J.,Roth,E.A.,etal. (2004). Interventions for the prevention of falls in older adults: systematic review and meta-analysis of randomised clinical trials. British Medical Journal, 328(1), 1-7.

Edelberg, H. K. (2001). Fall and function: how to prevent fall and injuries in patients with impaired mobility. Geriatrics, 56(3), 41-49.

Fuller, G.F. (2000). Fall in the elderly. American Family Physician, 61(7), 2159-2168, 2173-2174.

Knowles, M. (1984). The Adult Learner: A Neglected Species. (3rd Ed.). Houston, TX: Gulf Publishing.

Lipsitz, L.A., Jonsson, P.V., Relley, M.M., & Roesner, J.S. (1991). Causes and correlates of recurrent falls in ambulatory frail elderly. Journals of Gerontology, 46(1), 14-22.

Nutbeam, D. (2008). The evolving concept of health literacy. Social Science & Medicine, 67, 2072-2078.

Nutbeam, D. (2009).Literacy, Health Education, Health Literacy and Health Outcomes How do they fit? UN Economic and Social Council, Regional Meeting on Promoting Health Literacy, Beijing, China, 29-30 April, 2009.

Shumway-Cook, A. & Woollacott, M.H. (2001). Motor Control: Theory and Practical Application. Philadelphia: Lippincott Williams and Wilkins.

Studenski, S., Duncan,P.W., & Chandler, J. (1991).Postural responses and effector factors in person with unexplained falls: results and methodologic issues. Journal of the American Geriatrics Society, 39, 229-234.

Tinetti, ME. (1986). Performance oriented assessment of mobility problems in elderly patients. Journal of the American Geriatrics Society, 34, 119-126.

Tinetti, M.E., Speechley, M. & Ginter, S. (1988). Risk factors for falls among elderly persons living in the community. New England Journal of Medicine, 319(26), 1701-1707.

Woollacott, M. (1986). Gait and postural controlonthe aging adult. In:Bles W. Brands T.eds. Disorders of posture and gait. Amsterdam: Elsevier. 325-336.

World Health Organization(1998). Health Promoting Glossary.Retrieved February27,2014 from www.who.org.