ตัวแบบการจัดการศูนย์ฝึกกีฬาของสถาบันการพลศึกษา ในประเทศไทย

บทคัดย่อ

การวิจัย เรื่องตัวแบบการจัดการศูนย์ฝึกกีฬาของสถาบันการพลศึกษาในประเทศไทยมีวัตถุประสงค์ เพื่อประเมินข้อมูลความต้องการจำเป็นในการพัฒนาการจัดการศูนย์กีฬาเพื่อความเป็นเลิศ สถาบันการพลศึกษา สู่การเป็นศูนย์ฝึกกีฬาของสถาบันการพลศึกษาในประเทศไทย และเพื่อศึกษาตัวแบบการจัดการศูนย์ฝึกกีฬาของสถาบันการพลศึกษาในประเทศไทย เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา (Descriptive research) ประเภทการวิจัยเชิงสำรวจ (Survey research) ใช้ระเบียบวิธีการวิจัยแบบเทคนิคเดลฟาย (Delphi Technique: EDFR) โดยดำเนินการวิจัยเป็น 3 ระยะ ดังนี้ระยะที่ 1 การประเมินข้อมูลความต้องการจำเป็นในการพัฒนาการจัดการศูนย์กีฬาเพื่อความเป็นเลิศ สถาบันการพลศึกษาสู่การเป็นศูนย์ฝึกกีฬาของสถาบันการพลศึกษาในประเทศไทย ใช้กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่บุคลากรตามโครงสร้างแบ่งส่วนราชการภายในสถาบันการพลศึกษา ในตำแหน่งหัวหน้าศูนย์ฝึกกีฬา จำนวน 17 แห่ง ได้ขนาดกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 17 คน และคณะกรรมการบริหารสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย ที่มีการบรรจุอยู่ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ฤดูร้อนและการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ 45 สมาคม ในตำแหน่งนายกสมาคม เลขาธิการสมาคม กรรมการฝ่ายเทคนิคกีฬา จำนวน 135 คน รวมใช้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 152 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยระยะนี้ ได้แก่แบบสอบถาม ระยะที่ 2 การศึกษาตัวแบบการจัดการศูนย์ฝึกกีฬาของสถาบันการพลศึกษาในประเทศไทย ใช้ระเบียบวิธีการวิจัยแบบเดลฟาย (Delphi technique) ดำเนินการวิจัย จำนวน 3 รอบ โดยใช้ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 18 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยระยะนี้ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ และแบบสอบถาม และระยะที่ 3 สอบทานความคิดเห็นเกี่ยวกับ (ร่าง) ตัวแบบการจัดการศูนย์ฝึกกีฬาของสถาบันการพลศึกษาในประเทศไทย จากผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญตลอดจนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จำนวน 9 คน โดยการวิพากษ์ในลักษณะการสนทนากลุ่ม (Focus Group) ผลการวิจัย พบว่ากลุ่มตัวอย่าง จำนวน 152 คน มีระดับความต้องการจำเป็นในการการพัฒนาการจัดการศูนย์กีฬาเพื่อความเป็นเลิศ สถาบันการพลศึกษา สู่การเป็นศูนย์ฝึกกีฬาของสถาบันการพลศึกษาในประเทศไทยอยู่ในระดับมากที่สุด โดยผลจากการประเมินความต้องการจำเป็นดังกล่าว นำมาใช้เป็นข้อมูลสนับสนุนในการหา (ร่าง) ตัวแบบการจัดการศูนย์ฝึกกีฬาของสถาบันการพลศึกษาในประเทศไทย ผลการวิจัยพบว่าการพัฒนาการจัดการศูนย์กีฬาเพื่อความเป็นเลิศ สถาบันการพลศึกษา สู่การเป็นศูนย์ฝึกกีฬาของสถาบันการพลศึกษาในประเทศไทย ประกอบด้วย ปัจจัยด้านกลยุทธ์ (Strategy) ปัจจัยด้านโครงสร้าง (Structure) ปัจจัยด้านระบบ (System) ปัจจัยด้านค่านิยมร่วม (Shared Value) ปัจจัยด้านรูปแบบการบริหารงาน (Style) ปัจจัยด้านบุคลากร (Staff) และปัจจัยด้านทักษะ (Skill) เป็นปัจจัยหลักโดยจะประกอบด้วยแนวทางการพัฒนาการจัดการศูนย์กีฬาเพื่อความเป็นเลิศ สถาบันการพลศึกษาสู่การเป็นศูนย์ฝึกกีฬาของสถาบันการพลศึกษาในประเทศไทย เพื่อ ให้ประเทศไทยมีศูนย์ฝึกกีฬาที่ตอบโจทย์ความสำเร็จให้กับนักกีฬาทีมชาติไทยที่จะเป็นตัวแทนของประเทศชาติเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาในระดับนานาชาติ