ปัจจัยในการสมัครใจเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาสถาบันการพลศึกษาแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 41 “พลศึกษาเกมส์”
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยเรื่องปัจจัยในการสมัครใจเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาสถาบันการพลศึกษาแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 41 “พลศึกษาเกมส์” มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ในการสมัครใจในการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาสถาบันการพลศึกษาแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 41 ซึ่งประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ นักกีฬา 7 ชนิดกีฬาจาก 17 วิทยาเขต ทั้งชาย และหญิงที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาสถาบันการพลศึกษาแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 41 “พลศึกษาเกมส์” จำนวน 550 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามลักษณะปัจจัยในการสมัครใจเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาสถาบันการพลศึกษาแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 41 จำนวน 6 ด้าน นำมาวิเคราะห์หาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า
นักกีฬาที่แข่งขันกีฬาสถาบันการพลศึกษาแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 41 ส่วนมากจะเป็นนักกีฬาชาย จำนวน 370 คน คิดเป็นร้อยละ 67.27 เป็นนักกีฬาหญิง จำนวน 180 คน คิดเป็นร้อยละ 32.73 ที่กำลังศึกษาอยู่ในสถาบันการพลศึกษา 17 วิทยาเขต ทั้ง 3 คณะวิชาที่เข้าแข่งขัน มีคณะศึกษาศาสตร์ จำนวน272 คน คิดเป็นร้อยละ 49.45 คณะวิทยาศาสตร์การกีฬาและสุขภาพ จำนวน 174 คน คิดเป็นร้อยละ 31.64 คณะศิลปศาสตร์ จำนวน 107 คน คิดเป็นร้อยละ 19.45 มีประสบการณ์ในการแข่งขัน 1 ครั้ง จำนวน 132 คน คิดเป็นร้อยละ 24.0 2 – 3 ครั้ง จำนวน 241 คน คิดเป็นร้อยละ 43.82 และมากกว่า 3 ครั้ง จำนวน 177 คน คิดเป็นร้อยละ 32.80 กีฬาที่เข้าร่วมแข่งขัน จำนวน 7 ประเภท ได้แก่ กรีฑา จำนวน 98 คน คิดเป็นร้อยละ 17.82 วอลเลย์บอล จำนวน 90 คน คิดเป็นร้อยละ 16.36 เทเบิลเทนนิส 82 คน คิดเป็นร้อยละ 14.91 เซปักตะกร้อ 76 คน คิดเป็นร้อยละ 13.82 รักบี้ จำนวน 72 คน คิดเป็นร้อยละ 13.09 กีฬาแฮนด์บอล และกีฬาว่ายน้ำอย่างละ 66 คน คิดเป็นร้อยละ 12.00 สำหรับปัจจัยที่สมัครใจเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาสถาบันการพลศึกษาแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 41 ของนักกีฬาโดยภาพรวม มีปัจจัยทั้ง 6 ด้าน อยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ย 4.21 โดยเฉพาะด้านพัฒนาศักยภาพตนเองและสิทธิพิเศษ มีค่าเฉลี่ย 4.29 ด้านพัฒนาจิตใจและอารมณ์ มีค่าเฉลี่ย 4.25 ด้านความคาดหวัง มีค่าเฉลี่ย 4.22 ด้านสิ่งตอบแทนที่ต้องการ 4.18 ด้านสัมพันธภาพ 4.17 และด้านการป้องกันการบาดเจ็บจากการกีฬา 4.12 อยู่ในระดับ มาก ทุกด้าน
Article Details
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับวารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงสาธารณสุข. (2552). นโยบายสาธารณสุข. กรุงเทพฯ : https://th.wikipedia.org/wiki.
ดวงเดือน พันธุมนาวิน. (2528). จิตวิทยาสังคม. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร, สถาบันวิจัยพฤติกรรมศาสตร์.
ไตรลักษณ์ คำนิล. (2546). แรงจูงใจของนักกีฬามวยสากลสมัครเล่นที่เข้าร่วมในการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทยครั้งที่ 30. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
ปกรณ์ ประจัญบาน. (2553). สถิติขั้นสูงสำหรับการวิจัยและประเมิน (พิมพ์ครั้งที่ 3). พิษณุโลก : มหาวิทยาลัยนเรศวร.
มาลี จุฑา. (2544). การประยุกต์จิตวิทยาเพื่อการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : ทิพย์ วิสุทธิ์.
รศนา อัชชะกิจ. (2539). กระบวนการแก้ปัญหาและการตัดสินใจเชิงวิทยาศาสตร์ (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
วิษณุ เครืองาม. (2559). สรุปผลการแข่งขันกีฬาสถาบันการพลศึกษาแห่งประเทศไทย พลศึกษาเกมส์ ครั้งที่ 41. กระบี่. สถาบันการพลศึกษา.
สุนทร วงศ์ไวศยวรรณ. (2538). การตัดสินใจและการสื่อสาร. ในเอกสารการสอนชุดวิชาพฤติกรรมองค์การและการจัดการตลาด (หน่วยที่ 3). นนทบุรี : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
สุวิมล เพชรสุข. (2538). ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจของผู้ปกครองในการเลือกโรงเรียนอนุบาลเอกชน. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
อนุชิต แท้สูงเนิน และคณะ. (2557). ปัจจัยในการตัดสินใจเข้าร่วมแข่งขันกีฬาอาเซียนสกูลเกมส์. สุพรรณบุรี: สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตสุพรรณบุรี.
Good, C . V. (Ed.). (1973). Dictionary of education (3rd ed.). New York: McGraw-Hill.
Krecie,R. V.8 Morgan, D.W. (1970). Determining Sample Sage for Research Activity. Education and Psychological Measurement. 30: 607 – 610.