ผลของการฝึกเสริมด้วยโปรแกรมไบโอฟีดแบคที่มีต่อระดับความ วิตกกังวลและความสามารถในการยิงประตูโทษในกีฬาบาสเกตบอลของ นักกีฬาบาสเกตบอลหญิงของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Main Article Content
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์
เพื่อศึกษาผลของการฝึกโปรแกรมไบโอฟีดแบคที่มีต ่อระดับความวิตกกังวลและความสามารถในการยิงประตูโทษของนักกีฬาบาสเกตบอล
วิธีดำเนินการวิจัย
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักกีฬาบาสเกตบอลหญิงของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อายุเฉลี่ย 19.6 ปี จำนวน 20คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมกลุ่มละ 10 คน โดยในกลุ่มทดลองได้รับการฝึกยิงประตูโทษบาสเกตบอลควบคู่กับการฝึกเสริมด้วยโปรแกรมไบโอฟีดแบคความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งมีค่าเฉลี่ย IOC เท่ากับ 0.66 เป็นเวลาทั้งสิ้น 4 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 20 นาที รวมทั้งสิ้น 12 ครั้ง ส่วนกลุ่มควบคุมได้รับการฝึกยิงประตูโทษบาสเกตบอลเพียงอย่างเดียว ก่อนเริ่มต้นโปรแกรมการฝึกและหลังเสร็จสิ้นการฝึกในสัปดาห์ที่ 4 กลุ่มตัวอย่าง เข้ารับการทดสอบหาความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจ ความวิตกกังวลตามสถานการณ์โดยใช้แบบสอบถาม Revised Competition State AnxietyInventory–2(CSAI-2R) ซึ่งมีค่าความเที่ยงตรงระหว่าง 0.70 - 0.80 และความแม่นยำในการยิงประตูโทษโดยการยิงประตูโทษภายในระยะเวลาจำกัด 30 วินาที นำผลที่ได้มาวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติโดยการหาค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบผลของกลุ่มตัวอย่างก่อนและหลังการทดลองโดยใช้สถิติทดสอบค่าที(Paired sample t-test) และเปรียบเทียบผลระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม โดยใช้สถิติทดสอบค่าที(Independent t-test) โดยกำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยใช้โปรแกรม G*Power
ผลการวิจัย
ผลการวิจัยพบว่าค่าเฉลี่ยของความวิตกกังวลตามสถานการณ์ความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจ ความแม่นยำในการยิงประตูโทษบาสเกตบอลในกลุ่มทดลอง และค่าเฉลี่ยของคะแนนความเชื่อมั่นในตนเอง (Self Confidence) ในกลุ่มควบคุมระหว่างก่อนการทดลองและหลังการทดลอง แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05และการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยร้อยละของความแตกต่างก่อนการทดลองและหลังการทดลองระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม มีความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจและความแม่นยำในการยิงประตูโทษบาสเกตบอลแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05แต่ความวิตกกังวลตามสถานการณ์ไม่แตกต่างกัน
สรุปผลการวิจัย
จากการวิจัยในครั้งนี้พบว่า การฝึกไบโอฟีดแบคความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจของกลุ่มทดลองส่งผลให้ระดับความวิตกกังวลทางกายและระดับความวิตกกังวลทางจิตลดลง ความเชื่อมั่นในตนเองเพิ่มขึ้น ช่วยเพิ่มค่าความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจ และส่งผลต่อความแม่นยำในการยิงประตูโทษของกลุ่มทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
Article Details
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับวารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
เอกสารอ้างอิง
เตชภาส มากคง. (2556). ผลของโปรแกรมการฝึกไบโอฟีดแบคที่มีต่อความวิตกกังวลและความแม่นยำในการยิงปืนของนักกีฬายิงปืนระดับมัธยมศึกษา. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, สาขาวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
พีรพงศ์บุญศิริ. (2536). จิตวิทยาการกีฬา. กรุงเทพฯ: ห้างหุ้นส่วนจำกัดโอเดียนสโตร์.
มรรยาท รุจิวิชชญ์. (2556). การจัดการความเครียดเพื่อสร้างเสริมสุขภาพจิต. ปทุมธานี: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
รัชเดชเครือทิวา. (2553). ผลการฟังดนตรีควบคู่กับการฝึกจินตภาพที่มีต่อความแม่นยำในการยิงประตูโทษบาสเกตบอล. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, สาขาวิชาพลศึกษา คณะพลศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ.
โรจพล บูรณรักษ์. (2547). การเปรียบเทียบผลของการฝึกเสริมการยิงประตูที่มีต่อความสามารถในการยิงประตูโทษของกีฬาบาสเกตบอล. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, สาขาวิชาพลศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ศิริรัตน์ เปลี่ยนบางยาง. (2533). ผลของการฝึกอีเอ็มจีไบโอฟีดแบคร่วมกับการผ่อนคลายกล้ามเนื้อต่ออาการปวดศีรษะในผู้ป่วยที่มีอาการปวดศีรษะจากความเครียด. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, สาขาวิชาพยาบาลศาสตร์บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล.
ศิลปชัย สุวรรณธาดา. (2552) เอกสารคำสอน วิชา 3903301 จิตวิทยาการกีฬา 1. กรุงเทพฯ: คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สืบสาย บุญวีรบุตร. (2541). จิตวิทยาการกีฬา. ชลบุรี: ชลบุรีการพิมพ์.
สุปราณี ขวัญบุญจันทร์. (2541). จิตวิทยาการกีฬา. กรุงเทพฯ: บริษัท โรงพิมพ์ไทยวัฒนพานิช จำกัด.
สุพัชรินทร์ ปานอุทัย. (2556).จิตวิทยาการกีฬา.กรุงเทพฯ:กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา.
Blasquez, J. C. C., Font, G. R., & Ortis, L. C. (2009). Heart-rate variability and precompetitive anxiety in swimmers. Psicothema, 21(4), 531–536.
Cox, R. H. (2012). Sport psychology: Concept and applications (7TH ed.). USA: McGraw Hill Company.
Cox, R. H., Martens, M. P., & Russel, W. D. (2003). Measuring anxiety in athletics: The revised Competitive State Anxiety Inventory-2. Journal of Sport and Exercise Psychology, 25, 519–533
Dziembowska, I., Izdebski, P., Rasmus, A., Brudny, J., Grzelczak, M., & Cysewski, P. (2016). Effects of Heart Rate Variability Biofeedback on EEG Alpha Asymmetry and Anxiety Symptoms in Male Athletes: A Pilot Study. Applied Psychophysiology and Biofeedback, 41(2), 141-150.
Giardino, N. D., Lehrer, P. M., Feldman, J. M., Kenny, D. T., Carlson, J. G., Mcguigan, F. J., & Sheppard, J.L. (2000). The role of oscillations in self-regulation: Their contribution to homeostasis. Amsterdam: Harwood.
Gruzelier, J. H., Thompson, T., Redding, E., Brandt, R., & Steffert, T. (2014). Application of alpha/the taneuro feedback and heart rate variability training to young contemporary dancers: State anxiety and creativity. International Journal of Psychophysiology, 93(1), 105-111.
Humara, M. (2001).The relationship between anxiety and performance: A Cognitive-behavioral perspective. Athletic Insight. The Online Journal of Sport Psychology, 1(2).
Lagos, L., Vaschillo, E., Vaschillo, B., Lehrer, P., Bates, M., & Pandina, R. (2008). Heart rate variability biofeedback as a strategy for dealing with competitive anxiety: A case study. Applied Psychophysiology and Biofeedback, 36(3), 109-115.
Langdeau, J.-B., Turcotte, H., Desgagné, P., Jobin, J., & Boulet, L.-P. (2000). Influence of sympatho-vagal balance on airway responsiveness in athletes. European Journal of Applied Physiology, 83(4), 370-375.
Lehrer,P.,Vaschillo,B., Zucker,T., Graves, J.,Katsamanis, M., Aviles, M., &Wamboldt,F. (2013). Protocol for heart rate variability biofeedback Training. Applied Psychophysiology and Biofeedback, 41(3), 98-109.
Lehrer, P., & Vaschillo, E. (2008). The future of heart rate variability biofeedback. Applied Psychophysiology and Biofeedback, 36(1), 11-14.
Lehrer, P., Vaschillo, E., Lu, S. E., Eckberg, D., Vaschillo, B., Scardella, A., & Habib, R. (2006). Heart rate variability-effects of age on heart rate variability, baroreflex gain, and asthma. Chest Journal, 129, 278-284.
Lehrer, P. M., & Gevirtz, R. (2014). Heart rate variability biofeedback: how and why does it work? Frontiers in Psychology, 5, 1-9.
Lehrer, P. M., Vaschillo, E., Vaschillo, B., Lu, S. E., Eckberg, D. L., Edelberg, R., Hamer, R. M. (2003). Heart rate variability biofeedback increases baroreflex gain and peak expiratory flow. Psychosomatic Medicine, 65(5), 796-805.
Parnabas, V. (2015). The effect of competitive state anxiety on sport performance among sepak takraw athletes. The International Journal of Indian Psychology, 2, 42-51.
Parnabas, V., Parnabas, J., & Parnabas, A. M. (2015). The ralationship between cognitive anxiety and sport performances on basketball. The International Journal of Indian Psychology, 2.
Pate, J., Cummings, A., & Maynard, I. (2002). The effects of hypnosis on flow states and three-point shooting performancein basketball players. The Sport Psychologist, 16, 1-15.
Patmore, A. (1986). Sportsmen under stress. London: Stanley Paul.
Paul, M., & Garg, K. (2012). The effect of heart rate variability biofeedback on performance psychology of basketball players. Applied Psychophysiology and Biofeedback, 37, 131-144.
Sutarto, A. P., Wahab, M. N. A., & Zin, N. M. (2010). Heart Rate Variability (HRV) biofeedback: A new training approach for operator’s performance enhancement. Journal of Industrial Engineering and Management, 3(1), 176-198.
van der Zwan, J.E., deVente, W., Huizink, A. C.,Bogels,S. M., & deBruin,E. I. (2015). Physical activity, mindfulness meditation, or heart rate variability biofeedback for stress reduction: arandomized controlled trial. Applied Psychophysiology and Biofeedback, 40(4), 257-268.