รูปแบบการจัดการแข่งขันกีฬามวยไทย เพื่อสร้างสันติสุขในจังหวัดชายแดนใต้

Main Article Content

ยงศักดิ์ ณ สงขลา
ศิลปชัย สุวรรณธาดา
รัชนี ขวัญบุญจัน

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและพัฒนารูปแบบการจัดการแข่งขันกีฬามวยไทยเพื่อสร้างสันติสุข ในจังหวัดชายแดนใต้แบ่งเป็น 3 ขั้นตอนคือ (1) ศึกษาสภาพปัญหาและองค์ประกอบของการจัดการแข่งขันกีฬามวยไทยในจังหวัดชายแดนใต้โดยศึกษาเอกสารงานวิจัยและสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ทรงคุณวุฒิ (2)ร่างรูปแบบการจัดการแข่งขันกีฬามวยไทยเพื่อสร้างสันติสุขในจังหวัดชายแดนใต้โดยใช้เทคนิคเดลฟาย(3)ตรวจสอบความถูกต้องความเหมาะสมของรูปแบบการจัดการแข่งขันกีฬามวยไทยเพื่อสร้างสันติสุขในจังหวัดชายแดนใต้โดยใช้การประชุมกลุ่ม (Focus Group)กลุ่มตัวอย่าง(Samplingmethods)คือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้แก่ผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญทางด้านกิจกรรมทางสังคมและด้านการบริหารการกีฬาผู้บริหารองค์กรกีฬาในท้องถิ่น และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมกีฬาและกีฬามวยไทยเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่แบบสัมภาษณ์และแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติค่าร้อยละ (Percentage) ค่าความถี่ (Frequency) ค่ามัธยฐาน (Median : Mdn.) ค่าพิสัยระหว่างควอไทล์ (Interquartile Rang : I.R. = Q3–Q1)
ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการจัดการแข่งขันกีฬามวยไทยเพื่อสร้างสันติสุขในจังหวัดชายแดนใต้ ประกอบด้วยวัตถุประสงค์วิธีดำเนินงานตามองค์ประกอบ 9 ด้าน คือ (1) บุคลากร (2) งบประมาณการเงิน (3)วัสดุอุปกรณ์(4)การจัดการแข่งขันกีฬามวยไทย(5)การประชาสัมพันธ์(6)การมีส่วนร่วมของประชาชน (7) การสร้างความเข้าใจกับทุกภาคส่วนในชุมชน (8) การเข้าถึงชุมชนโดยการสร้างกิจกรรมในชุมชน และ (9) การพัฒนาชุมชนร่วมกับประชาชน ซึ่งเป็นปัจจัยความสำเร็จรูปแบบการจัดการแข่งขันกีฬามวยไทยเพื่อสร้างสันติสุขในจังหวัดชายแดนใต้มีความเหมาะสมและ สามารถนำไปใช้ได้ค่ามัธยฐาน (Mdn.)ค่าพิสัยระหว่างควอไทล์(I.R.) มีความสอดคล้องกันสูงมากทุกข้อโดย
ค่า Mdn - Mo < 1.00 IR < 1.50 และ IOC = 1 ข้อเสนอแนะ หน่วยงานภาครัฐสามารถนำรูปแบบการจัดการแข่งขันกีฬามวยไทยเพื่อสร้างสันติสุขในจังหวัดชายแดนใต้ไปใช้ในจังหวัดชายแดนใต้และจังหวัดอื่นๆ ในประเทศไทย เพื่อสร้างสันติสุขอย่างยั่งยืน

Article Details

How to Cite
ณ สงขลา ย., สุวรรณธาดา . ศ. ., & ขวัญบุญจัน ร. . (2018). รูปแบบการจัดการแข่งขันกีฬามวยไทย เพื่อสร้างสันติสุขในจังหวัดชายแดนใต้. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ, 10(3), 243–256. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/TNSUJournal/article/view/248265
บท
บทความวิจัย

References

การกีฬาแห่งประเทศไทยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา. (2550). แผนยุทธศาสตร์การพัฒนากีฬาอาชีพและแผนปฏิบัติงานกีฬาอาชีพ ระยะ 4 ปี (พ.ศ. 2551-2554). กรุงเทพฯ:การกีฬาแห่งประเทศไทย.

น้อม สังข์ทอง. (2543).การจัดการแข่งขันกีฬา (ฉบับปรับปรุงใหม่). (พิมพ์ครั้งที่2).สงขลา: ภารกิจการผลิตเอกสารและตำรา กลุ่มงานส่งเสริมและประกันคุณภาพการศึกษา มหาวิทยาลัยทักษิณ.

วรศักดิ์ เพียรชอบ. (กรกฎาคม - ธันวาคม 2545).“กีฬา”วารสารวิทยาศาสตร์การกีฬาและสุขภาพ,3(2).

สถาบันการพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา. (2553). รายงานผลการปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553. กรุงเทพฯ: กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา.

วีรศักดิ์ วิศาลาภรณ์. (2558). รูปแบบการพัฒนาสถาบันการพลศึกษาสู่ความเป็นมหาวิทยาลัยกีฬา. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม.

Bonnie L. Parkhouse. (2005). The Management of Sport: Its Foundation and Application Fourth Edition. Printed in Singapore.

Chappelle, J.L. and Bayle, E. (2005). Strategic and Performance Management of Olympic Spot Organizations. United States: Human Kinetics.

Jay Coakley, Ph.D. (2007). Sports in Society: Issues and Controversies Ninth Edition. New York: The McGraw-Hill Companies, Americas.

Robbins, S.P., and Coulter, M. (1999). Management. (6th ed), New Jersey: Prentice Hall, Inc.

Sallies, E. (2002). Total quality management in education (3rd ed), London: Kogan Page Limited. Schermerhorn.

JohnR.Jr., Hunt, James G. and Osborn, Richard N. (2000). Organizational Behavior. (7th ed), U.S.A.: Wiley and Sons, Inc.