สมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จังหวัดสงขลา

Main Article Content

อรจิรา ทะลิทอง

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา และเปรียบเทียบสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จังหวัดสงขลาใช้วิธีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น ตามเพศและอายุได้กลุ่มตัวอย่าง 394 คน แต่ผู้วิจัยสุ่มตัวอย่าง 450 คน ใช้แบบทดสอบและเกณฑ์มาตรฐานสมรรถภาพทางกายที่สัมพันธ์กับสุขภาพเด็กไทย อายุ7-18 ปี ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (จำนวน 1 ด้าน) และแบบทดสอบและเกณฑ์มาตรฐานสมรรถภาพทางกายสำหรับเด็กไทยอายุ 7-18 ปี ของสำนักวิทยาศาสตร์การกีฬา กรมพลศึกษา(จำนวน 4ด้าน) สถิติที่ใช้ได้แก่การทดสอบค่าที (t-test) ในการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยและการทดสอบค่าเอฟ (F-test) ในการวิเคราะห์ความแปรปรวน
ผลการวิจัยพบว่า สมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ โดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง มีสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพเรียงลำดับดังนี้ ด้านความแข็งแรงของกล้ามเนื้อด้านองค์ประกอบของร่างกายด้านความอดทนของกล้ามเนื้อ ด้านความอดทนของระบบหัวใจและไหลเวียนเลือด และด้านความอ่อนตัว ตามลำดับ และพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ของเพศอายุและระดับการศึกษาของผู้ปกครองไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติของ อาชีพของผู้ปกครอง และรายได้ของครอบครัวต่อเดือน


สรุปผลการวิจัย พบว่าสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพของนักเรียนอยู่ในระดับปานกลาง พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ของ เพศ อายุและระดับการศึกษาของผู้ปกครอง 

Article Details

How to Cite
ทะลิทอง อ. . (2018). สมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จังหวัดสงขลา. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ, 10(3), 271–254. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/TNSUJournal/article/view/248274
บท
บทความวิจัย

References

กรมพลศึกษา. (2539).การศึกษาสมรรถภาพทางกายของนักเรียนมัธยมศึกษา ระดับอายุ 13-15 ปี. กรุงเทพฯ: ส่วนส่งเสริมพลศึกษาสุขศึกษาและนันทนาการ, สำนักพัฒนาการพลศึกษา สุขภาพและนันทนาการ.

กรมพลศึกษา. (2555).แบบทดสอบและเกณฑ์มาตรฐานสมรรถภาพทางกายสำหรับเด็กไทย อายุ 7-18 ปี. กรุงเทพฯ: สำนักวิทยาศาสตร์การกีฬา กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา.

กรมอนามัย. (2550). คู่มือการทดสอบสมรรถภาพทางกายที่สัมพันธ์กับสุขภาพในเด็กอายุ 7-18 ปี. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก. 1

กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.

กิตติลาภสมบัติศิริ. (2559). เด็กไทยอ้วนขึ้น หนุนส่งเสริมสุขภาพ. สืบค้นเมื่อ 30 มีนาคม 2559, จาก http://www.thaihealth.or.th/Content/35278.html

ปิยะ สินยัง. (2557). สมรรถภาพทางกายที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของนักเรียนในโรงเรียนมาตรฐานสากลจังหวัดตรัง. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต. สงขลา : มหาวิทยาลัยทักษิณ.

ศิริชัย กาญจนวาสี, ทวีวัฒน์ ปิตยานนท์และดิเรก ศรีสุโข. (2555). การเลือกใช้สถิติที่เหมาะสมสำหรับการวิจัย (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สันติภาพ กาติวงศ์. (2556). “ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับสมรรถภาพทางกายของบุคลากรที่สังกัดกระทรวงสาธารณสุขในเขตอำเภอนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี” วารสารวิจัย มข. 13(2), 85-98.

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. (2549). แบบทดสอบและเกณฑ์มาตรฐาน สมรรถภาพทางกายที่สัมพันธ์กับสุขภาพเด็กไทย (พิมพ์ครั้งที่ 2). มปท.

สำนักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ. (2547). พฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.).

สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2558).การสำรวจกิจกรรมทางกายของประชากร พ.ศ. 2558.กรุงเทพฯ: กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร. 1

สุรีรัตน์ รงเรือง. (2554). “พฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของนักศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตปัตตานี”. วารสารพฤติกรรมศาสตร์. 17(1), 109-123.

Lee, Seong-No. (1995). Comparison by Age, Gender, and Body Size of Physical Fitness Test Scores of Korean Students Ages 12-18. Iowa: The University of Iowa. 182

Pender, N. J. (1996). Health Promotion in Nursing Practice (3rd ed.). New York: Appleton and Lange.

Taddonio, D. A. (1982). “A Comparison of Physical Fitness of Public School Students From Economically Deprived Areas With National Norms”. Dissertation Abstracts International. 43(12), 1878-A.