การพัฒนาเครื่องมือวัดความฉลาดรู้ทางกายตามแนวคิดของไวท์เฮด สำหรับนักเรียนประถมศึกษาตอนปลาย
Main Article Content
บทคัดย่อ
ความฉลาดรู้ทางกายตามแนวคิดของไวท์เฮดมีองค์ประกอบสำคัญ 4 ด้าน ได้แก่ ความรู้และความเข้าใจ แรงจูงใจ ความมั่นใจ และความสามารถทางกาย โดยสามารถนำมาปรับใช้กับนักเรียนประถมศึกษาตอนปลายตามความสามารถและพัฒนาการตามวัยได้ 15 ตัวบ่งชี้ คือ ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพร่างกาย ความรู้เกี่ยวกับสมรรถภาพทางกาย ความรู้เกี่ยวกับกิจกรรมทางกาย ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันตนเองระหว่างประกอบกิจกรรมทางกายความชอบในกิจกรรมทางกาย ความสนุกในกิจกรรมทางกาย ความสามารถของตนเองและเมื่อเทียบกับผู้อื่น การวิ่งไปข้างหน้า การกระโดดอยู่กับที่ การรับลูกเทนนิส การขว้างลูกเทนนิส การก้าวสลับเท้า การกระโดดเขย่ง การเลี้ยงลูกฟุตบอล และการเตะลูกฟุตบอล ซึ่งงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพัฒนาเครื่องมือวัดความฉลาดรู้ทางกายตามแนวคิดของไวท์เฮดสำหรับนักเรียนประถมศึกษาตอนปลาย โดยมีขั้นตอนการดำเนินการวิจัยออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 สังเคราะห์ตัวบ่งชี้ความฉลาดรู้ทางกายตามแนวคิดของไวท์เฮดสำหรับนักเรียนประถมศึกษาตอนปลาย จากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยและต่างประเทศจำนวน 20 แหล่ง ที่ใช้แนวคิดของไวท์เฮด และระยะที่ 2 พัฒนาและตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือวัดความฉลาดรู้ทางกายตามแนวคิดของไวท์เฮดสำหรับนักเรียนประถมศึกษาตอนปลาย โดยนำข้อมูลจากระยะที่ 1 มาใช้เป็นฐานในการสร้างเครื่องมือให้ครอบคลุมตามตัวบ่งชี้ที่ได้สังเคราะห์มา และนำเครื่องมือไปทดลองใช้ครั้งที่ 1 กับนักเรียนประถมศึกษาตอนปลาย ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 12 คน ระดับชั้นละ 4 คน แบ่งเป็นเพศชาย จำนวน 2 คน และเพศหญิง จำนวน 2 คน ทดลองตอบข้อคำถาม การปฏิบัติ และให้แสดงความคิดเห็นในประเด็นที่ไม่เข้าใจ และประเด็นอื่นๆ แล้วนำมาปรับปรุงแก้ไข จากนั้นจึงนำเครื่องมือไปทดลองใช้ครั้งที่ 2 กับนักเรียนประถมศึกษาตอนปลาย ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 60 คน ระดับชั้นละ 20 คน แบ่งเป็นเพศชาย จำนวน 10 คน และเพศหญิง จำนวน 10 คน ทดลองตอบข้อคำถาม การปฏิบัติ และให้แสดงความคิดเห็นในประเด็นที่ไม่เข้าใจ และประเด็นอื่นๆ แล้วนำมาปรับปรุงแก้ไขอีกครั้ง จากนั้นจึงตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ โดยแบบสอบสถานการณ์หลายตัวเลือกมีค่าความตรงเท่ากับ 0.76 และค่าความเที่ยงเท่ากับ .947 แบบวัดสถานการณ์หลายตัวเลือกมีค่าความตรงเท่ากับ 0.8 และค่าความเที่ยงเท่ากับ .707 และมาตรประมาตรค่าแบบรูบริคมีค่าความตรงเท่ากับ 1 และค่าความเที่ยงเท่ากับ .781
Article Details
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับวารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
เอกสารอ้างอิง
Balyi, I., Cardinal, C., Higgs, C., Norris, S., & Way, R. (2005). Canadian sport for life: Long term athlete development. Vancouver, BC: Canadian Sport Centers.
Kasem Nakornkhet. (n.d.). Bloom’s taxonomy and learning experience through active play. Retrieved from: http://www.parc-thaihealth.com/
Pichit Muangnapoe. (2015). Physical literacy. Journal of Faculty of Physical Education, 18(1), 1-6.
Shotiga Pasiphul. (2016). Learning measurement and evaluation (1st ed.). Bangkok: Printing of Chulalongkorn University.
Suriyan Suwannakarn. (2017). A guide for physical activity development for developing physical literacy for prathomsuksa 3 students (Doctoral dissertation), Kasetsart University.
Thai Health. (2017). Empowering vulnerable populations creating an inclusive society. Nakhon Pathom: Institute for Population and Social Research, Mahidol University.