ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการมีส่วนร่วมในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม ตามรูปแบบโอเอนีลำปาง ในจังหวัดลำปาง
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้ เป็นการศึกษาเชิงวิเคราะห์แบบภาคตัดขวาง (Analytical cross-sectional study) เพื่อศึกษา “พฤติกรรมการมีส่วนร่วมในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม (OA Knee Lampang Model)” และความสัมพันธ์ของปัจจัยแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพของผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมต่อพฤติกรรมการมีส่วนร่วมในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมตามรูปแบบโอเอนีลำปาง ในเขตพื้นที่จังหวัดลำปางที่เข้ารับการบำบัดรักษาในคลินิกแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกในสถานพยาบาลที่ให้การบำบัดรักษาตามรูปแบบโอเอนีลำปาง จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลเกาะคา โรงพยาบาลวังเหนือ โรงพยาบาลสบปราบ และศูนย์ส่งเสริมแพทย์แผนไทยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปาง เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม ตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้จำนวน 190 ราย ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จำนวน 140 คน (ร้อยละ 73.7) อายุเฉลี่ย 63 ปี พฤติกรรมการมีส่วนร่วมในการรักษาตามรูปแบบโอเอนีลำปาง มีค่าเฉลี่ยในภาพรวมเท่ากับ 3.8 คะแนน จัดอยู่ในระดับพฤติกรรมการมีส่วนร่วมดี แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพในการมีส่วนร่วมในการรักษาโรค ในภาพรวมมีค่าคะแนนเฉลี่ย 3.8 คะแนน จัดอยู่ในระดับการรับรู้สูง ปัจจัยทำนายโอกาสการมีพฤติกรรมการมีส่วนร่วมในการรักษาโรค และผู้ที่มีข้อเข่าเสื่อมทั้งสองข้างกลับมีพฤติกรรมการมีส่วนร่วมในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมตามรูปแบบโอเอนีลำปาง น้อยกว่าเป็น 5.3 เท่าของผู้ที่มีข้อเข่าข้างใดข้างหนึ่งมีอาการเสื่อมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (OR 5.291; 95% CI 2.063-13.572; p-value= 0.01) ผู้ที่มีการรับรู้ต่ออุปสรรคของการมีส่วนร่วมในการรักษาโรค อยู่ในระดับปานกลาง มีโอกาสส่วนร่วมในการรักษาโรค มีโอกาสการมีส่วนร่วมสูงกว่า 4.5 เท่าของผู้ที่มีการรับรู้ต่ออุปสรรคของการมีส่วนร่วมในการรักษาโรคระดับสูงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (OR 4.497; 95% CI 1.844-10.965; p-value=0.01) ผู้ที่มีระดับความรู้สูงมีโอกาสมีพฤติกรรมการมีส่วนร่วมในการรักษาโรค สูงกว่าเป็น 3.8 เท่าของระดับความรู้ปานกลางและต่ำอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (OR 3.818; 95% CI 1.024-14.239; p-value=0.046)
Article Details
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับวารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
เอกสารอ้างอิง
Donnapa Hongthong. (2009). The relationship between self-care behavior at home and the pain perception among osteoarthritis patients in the rural village of Thailand. Nursing Public Health and Education Journal.2014.May.(11-20)
Hochberg, M.C., et al. (2012). American College of Rheumatology (ACR) 2012: Recommendations for the use of non-pharmacologic and pharmacologic therapies in osteoarthritis of the hand, hip, and knee. Arthritis Care & Research, 64(4), 465-474.
Lampang Provincial Health Office. (2017). Guideline for the treatment of osteoarthritis of knee 2017. Retrieved from http://www.lpho.go.th/main/
Phipat Phermpool. (1990). Severity of osteoarthritis and self-care behavior of patients with Osteoarthritis of the Knee in Siriraj Hospital. (Master’s thesis), Srinakharinwirot University.
Thanawat Sriamornrattonakul. (2006). Health Behavior of knee osteoarthritis patients relieves severity of disease. (Master’s thesis), Srinakharinwirot University.
The Royal College of Orthopedic Surgeons of Thailand. (2011). Guideline for the Treatment of Osteoarthritis of Knee 2011. Retrieved from www.rcost.or.th