ความสัมพันธ์ระหว่างส่วนประสมทางการตลาด 7P’s และการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ของพระราชวังจันทน์ จังหวัดพิษณุโลก
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยชิ้นนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างส่วนประสมทางการตลาด 7P’s และการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของพระราชวังจันทน์จังหวัดพิษณุโลก โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้คือ นักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่พระราชวังจันทน์จังหวัดพิษณุโลก จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม ความสัมพันธ์ระหว่างส่วนประสมทางการตลาด 7P’s และการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของพระราชวังจันทน์จังหวัดพิษณุโลก ที่มีค่าIOC เท่ากับ 0.83 และมีค่าสัมประสิทธิ์อัลฟ่าเท่ากับ 0.91 นำข้อมูลมาวิเคราะห์หาค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และใช้การวิเคราะห์เพื่อหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สันเพื่อหาค่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร
ผลการวิจัยพบว่า นักท่องเที่ยวชาวไทยมีความคิดเห็นต่อส่วนประสมทางการตลาด7P’s โดยรวมอยู่ในระดับมาก (4.05) เมื่อพิจารณาร้ายด้านพบว่าด้านผลิตภัณฑ์ด้านภาพลักษณ์ของสถานที่และด้านการให้บริการอยู่ในระดับมากที่สุดสำหรับด้านเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการด้านช่องทางการจำหน่ายด้านราคาและด้านการส่งเสริมการตลาด อยู่ในระดับมาก และนักท่องเที่ยวชาวไทยให้มีความคิดเห็นต่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของพระราชวังจันทน์ จังหวัดพิษณุโลกโดยรวมอยู่ในระดับมาก(4.04) เมื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างส่วนประสมทางการตลาด7P’s และการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของพระราชวังจันทน์ จังหวัดพิษณุโลก โดยใช้การทดสอบค่าทางสถิติสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อย่างง่ายของเพียรสันพบว่า มีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันในระดับสูง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.00
Article Details
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับวารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
เอกสารอ้างอิง
กฤษดาขุ่ยอาภัย. (2552).การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม:กรณีศึกษาบ้านลวงเหนือ ตำบลลวงเหนือ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่.วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิตสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์การเมือง: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ธนกร สุวุฒิกุล. (2552). ความพร้อมและศักยภาพขององค์การบริหารส่วนจังหวัดระนองในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์.วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิตสาขาการปกครองท้องถิ่น วิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น : มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
บุญเลิศ จิตตั้งวัฒนา.(2548). การพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน. กรุงเทพมหานคร: เพรส แอนด์ดีไซน์.
พิมพาพร งามศรีวิเศษ (2555). ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดบริการที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการท่องเที่ยวสวนสัตว์ดุสิตและสวนสัตว์ซาฟารีเวิลด์ของนักท่องเที่ยว. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิชาการตลาด : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
พงษ์พันธุ์ พุทธิวิศิษฎ์ (2552). แนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวจังหวัดพิษณุโลก. วิทยานิพนธ์ ปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา: คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ศิริเพ็ญ ดาบเพชร(2557). การเลือกสถานที่ท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวครั้งแรกและนักท่องเที่ยวซ้ำ. วารสารบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์และการสื่อสาร. 9(2), 39 – 59
วันใหม่ แตงแก้ว(2554). การจัดการการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในเมืองเชียงคาน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิชาการวางแผนภาคและเมือง: คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Yamane, Taro. (1973). Statistics: An Introductory Analysis. New York: Harper and Row Publication.