ผลการฝึกด้วยเครื่องออกกำลังกาย ที่ใช้แรงต้านจากแรงอัดอากาศ ที่มีต่อความเร็วในการว่ายน้ำท่าครอว์ล ระยะ 50 เมตร

Main Article Content

ศุกล อริยสัจสี่สกุล
กฤษณะ อรุณโชติ

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการฝึกด้วยแรงต้านจากแรงอัดอากาศที่มีต่อความเร็วในการว่ายน้ำท่าครอว์ล ระยะ 50 เมตร และเพื่อเปรียบเทียบผลการฝึกด้วยแรงต้านจากแรงอัดอากาศและการฝึกด้วยแรงต้านจากแผ่นเหล็กที่มีต่อความเร็วในการว่ายน้ำท่าครอว์ล ระยะ 50 เมตร กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตสุพรรณบุรี ชั้นปีที่ 2 จำนวน 30 คน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 15 คน ที่ต้องผ่านการเรียนวิชาทักษะและการสอนกีฬาว่ายน้ำมาแล้วด้วยการสุ่มแบบเจาะจง (purposively random sampling)จากนักศึกษาที่ทำเวลาอันดับที่ 1 - 30 เพื่อนำเวลามาจัดเข้ากลุ่มในการปรับความสามารถพื้นฐานให้เท่ากันของทั้ง 2 กลุ่ม (กลุ่มละ 15 คน) โดยทำการทดสอบเวลาในการว่ายน้ำท่าครอว์ล ระยะ 50 เมตร ทำการสุ่มเข้ากลุ่มทั้งสองกลุ่ม โดยกลุ่มทดลองทำการฝึกว่ายน้ำตามโปรแกรมที่กำหนดสัปดาห์ละ 3 วัน (จันทร์ พุธ และศุกร์) ร่วมกับการฝึกด้วยแรงต้านจากแรงอัดอากาศ สัปดาห์ละ 2 วัน (อังคารและพฤหัส) และกลุ่มควบคุมทำการฝึกว่ายน้ำตามโปรแกรมที่กำหนดสัปดาห์ละ 3 วัน ร่วมกับการฝึกด้วยแรงต้านจากแผ่นเหล็ก สัปดาห์ละ 2 วัน (อังคารและพฤหัสบดี) เช่นกัน ทำการฝึกเป็นเวลา 6 สัปดาห์ และทำการทดสอบเวลาที่ใช้ในการว่ายน้ำท่าครอว์ล ระยะ 50 เมตร ก่อนการทดลอง หลังการทดลองสัปดาห์ที่ 3 และหลังการทดลองสัปดาห์ที่ 6 นำผลที่ได้มาหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว ชนิดวัดซ้ำ (one way analysis of variance with repeated measures) เปรียบเทียบความแตกต่าง เป็นรายคู่ โดยวิธีการทดสอบของบอนเฟอร์โรนี (Bonferroni) เปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ย ด้วยการทดสอบที(independent t-test)และหาค่าร้อยละของเวลาในการว่ายน้ำท่าครอว์ล ระยะ 50 เมตร ที่พัฒนาขึ้น (เวลาลดลง) ทดสอบความมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
ผลการวิจัยพบว่า
1. ทั้งกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมเมื่อเปรียบเทียบเวลาเฉลี่ยที่ใช้ในการว่ายน้ำท่าครอว์ล ระยะ 50 เมตร ระหว่างหลังการทดลอง 6 สัปดาห์กับหลังการทดลอง 3 สัปดาห์ หลังการทดลอง 6 สัปดาห์ กับก่อนการทดลองและหลังการทดลอง3สัปดาห์กับก่อนการทดลองแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2. เมื่อเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมของเวลาเฉลี่ยที่ใช้ในการว่ายน้ำท่าครอว์ล ระยะ 50 เมตร ระหว่างก่อนการทดลอง หลังการทดลองสัปดาห์ที่ 3 และหลังการทดลอง สัปดาห์ที่ 6 ไม่แตกต่างกัน
3. ค่าร้อยละของอัตราการพัฒนาระหว่างกลุ่มทดลองซึ่งมีค่าเท่ากับร้อยละ 0.96 และ 1.83 และ กลุ่มควบคุมมีค่าเท่ากับร้อยละ 0.25 และ 0.41 เมื่อเปรียบเทียบก่อนการทดลองกับหลังการทดลองสัปดาห์ที่ 3 และหลังการทดลองสัปดาห์ที่ 6 ตามลำดับ
สรุปผลการศึกษาได้ว่า โปรแกรมการฝึกว่ายน้ำและโปรแกรมการฝึกด้วยแรงต้านสามารถพัฒนาความเร็วในการว่ายน้ำท่าครอว์ล ระยะ 50 เมตร และถ้าพิจารณาอัตราการพัฒนาแล้ว การฝึกด้วยแรงต้านจากแรงอัดอากาศ มีแนวโน้มที่จะพัฒนาความเร็วในการว่ายน้ำท่าครอว์ล ระยะ 50 เมตร ได้ดีกว่าถ้าได้รับการฝึกที่ต่อเนื่องนานออกไปมากกว่า 6 สัปดาห์

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
อริยสัจสี่สกุล ศ. ., & อรุณโชติ ก. . (2018). ผลการฝึกด้วยเครื่องออกกำลังกาย ที่ใช้แรงต้านจากแรงอัดอากาศ ที่มีต่อความเร็วในการว่ายน้ำท่าครอว์ล ระยะ 50 เมตร. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ, 10(2), 203–220. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/TNSUJournal/article/view/248637
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กฤตมุข หล่าบรรเทา. (2554). การเปรียบเทียบผลการฝึกด้วยเครื่องออกกำลังกายแบบฟรีเวทที่ใช้แรงต้านจากแรงอัดอากาศผสมกับแรงต้านด้วยน้ำหนักในสัดส่วนที่แตกต่างกันต่อความแข็งแรงและพลังกล้ามเนื้อ. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิตสาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา).คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพมหานคร.

คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, สำนักงาน. (2555). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2555–2559). (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 20 สิงหาคม 2557. จาก http://www.nesdb.go.th/Portals10/news/Plan/P11.pdf

ถนอมวงศ์กฤษณ์เพ็ขร์และสิทธา พงษ์พิบูลย์. (2554). สรีรวิทยาการออกกำลังกาย. กรุงเทพฯ: ตีรณสาร จำกัด.

พลากร นัคราบัณฑิต. (2553). ผลของการฝึกความมั่นคงของลำตัวที่มีต่อความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลังส่วนล่างและความสามารถในการว่ายน้ำท่าครอว์ลในนักกีฬาว่ายน้ำเยาวชนชาย. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิตสาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา). คณะวิทยาศาสตร์การกีฬาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพมหานคร.

พิสิษฐ์ธิติเลิศเดชา. (2545). ผลของการฝึกกำลังกล้ามเนื้อลำตัวแบบการหดตัวคงที่ต่อความเร็วในการว่ายน้ำท่าครอว์ลระยะทาง 50 เมตร. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต หลักสูตรเวชศาสตร์การกีฬา). คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพมหานคร.

ศุกล อริยสัจสี่สกุล. (2552). การนำหลักวิทยาศาสตร์การกีฬาเพื่อพัฒนากีฬาว่ายน้ำ. วิทยาศาสตร์การกีฬาและสุขภาพ, 10(1), 79.

ศุกล อริยสัจสี่สกุล. (2556). ว่ายน้ำ กีฬาเพื่อทุกคน. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สนธยา สีละมาด. (2555). หลักการฝึกกีฬาสำหรับผู้ฝึกสอนกีฬา. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สุทธิดาเจริญผล. (2554). ผลของการฝึกพลัยโอเมตริกบนบกและในน้ำที่มีต่อพลังระเบิดของกล้ามเนื้อขาและความเร็วในการว่ายน้ำท่ากบระยะทาง 50 เมตร ของนักกีฬาว่ายน้ำชาย. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา). คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพมหานคร.

Baker, D., Nance, S. & Moore, M. (2001). The load that maximizes the average mechanical power output during explosive bench press throws in highly trained athletes. Journal of Strength and Conditioning Research. 15(1), 20–41.

Blanch, P. (2010). The Swimming Machine. Journal of Sports Science and Technology. 10(1), 31-54.

Cissik, J. (2012). Strength and conditioning - A concise introduction. New York, NY: Routledge.

Frost, D. M., Cronin, J., & Newton, R. U. (2010). A Biomechanical Evaluation of Resistance - Fundamental Concepts for Training and Sports Performance. Sports Medicine, 40(4), 303–326. doi: 10.2165/11319420-000000000-00000

Jordan, S. (2013). Iron vs. Air: Why Pneumatic Resistance Might be the Next Big Thing. (Online). Available:http://greatist.com/fitnesspneumatic-resistance-exercise-machine. Retrieved April 30, 2016.

Kravitz, L. (2010). Resistance Training: Adaptations and Health Implications. Idea Today Health Publications. 2010; 14:38-46

Lander, J. E., Bates, B. T., Sawhill, J. A. & Hamill, J. (1985). A comparison between free weight and isokinetic bench pressing. Medicine and Science in Sports and Exercise. 17(3), 344–353.