ความต้องการของชุมชนต่อการให้บริการวิชาการของ สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตเชียงใหม
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับความต้องการของชุมชนต่อการให้บริการวิชาการแก่ชุมชนและสังคมของสถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตเชียงใหม่ ประชากรที่ใช้ในการวิจัย เป็นประชาชนในชุมชนเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ จำนวน 132,055 คน กำหนดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางสำเร็จรูปของเครจซี่และมอร์แกน (Krejcie & Morgan,1970) ด้วยความคลาดเคลื่อน .05 ได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 384 คน ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบใช้ความสะดวก เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม มีความตรงเชิงเนื้อหาเท่ากับ 1.00 และค่าความเที่ยงเท่ากับ 0.972 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัย ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุระหว่าง 20-29 ปี เป็นนักเรียน นิสิต และนักศึกษา เวลาที่ต้องการให้บริการ ส่วนใหญ่เป็นช่วงเวลาเย็น ระหว่างเวลา 17.00 น. - 20.00 น. วัน ที่ต้องการรับบริการ ส่วนใหญ่เป็นวันจันทร์- วันศุกร์ความต้องการของชุมชนต่อการให้บริการวิชาการของสถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตเชียงใหม่ ตามความคิดเห็นของชุมชน ในภาพรวมพบว่า มีความต้องการให้บริการ ใน 4 ด้าน ประกอบด้วย ด้านบุคลากร ด้านกิจกรรมให้ความรู้ประเภทกีฬา ด้านการจัดแข่งขันกีฬาและด้านสถานที่และอุปกรณ์อยู่ในระดับมากโดยด้านการจัดการแข่งขันกีฬาเป็นด้านที่มีความต้องการระดับสูงสุด ( = 4.08) รองลงมา เป็นด้านบุคลากร (
= 4.07) ด้านอาคารสถานที่และอุปกรณ์กีฬา (
= 3.91) และด้านกิจกรรมให้ความรู้ประเภทกีฬา (
= 3.36) ตามลำดับ ความต้องการด้านอื่นๆ ชุมชนต้องการให้มีการจัดบริการห้องนวดแผนไทยเป็นลำดับแรก รองลงมา เป็นความต้องการนักศึกษาฝึกสอนทำการสอนในโรงเรียน ด้านพลศึกษาและสุขศึกษาอย่างต่อเนื่องและการให้ยืมอุปกรณ์กีฬาในช่วงตอนเย็น ส่วนข้อเสนอแนะของชุมชนต่อการให้บริการวิชาการชุมชนและสังคมของสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตเชียงใหม่ ได้แก่การจัดสถานที่จอดรถให้เพียงพอต่อผู้เข้ามาใช้บริการ
Article Details
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับวารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
เอกสารอ้างอิง
กฤษณ มณีเทศ. (2554). พฤติกรรมและความพึงพอใจของผู้ใช้บริการสนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่. รายงานกระบวนวิชา 751409 (แบบฝึกหัดการวิจัยปัญหาเศรษฐกิจปัจจุบัน) ภาคการศึกษาที่ 1 ปีการศึกษา 2554 คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
เจริญ กระบวนรัตน์. (กรกฎาคม-ธันวาคม).ประโยชน์และคุณค่าของการออกกำลังกายที่มีต่อร่างกาย. วารสารสุขศึกษา พลศึกษา สันทนาการ. (2556) 13: 13-21.
ชุติมา ศิริกุลชยานนท์. (2556).โครงการเด็กไทย ดูดี มีพลานามัย. ภาควิชาโภชนวิทยาคณะสาธารณสุขศาสตร์. มหาวิทยาลัยมหิดล.
ธีรวุฒิ เอกะกุล. (2543). ระเบียบวิธีวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์. อุบลราชธานี: สถาบันราชภัฎอุบลราชธานี.
พุทธินันท์ พินศิริกุล. (2554). ปัจจัยที่มีผลต่อการยอมรับการใช้บริการทางการแพทย์แผนไทยประเภทการนวดไทยของประชาชนในอำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์. ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพัฒนศึกษา มหาวิทยาลัยศิลปากร.
สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตเชียงใหม่. (2559). แผนยุทธศาสตร์สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตเชียงใหม่ (ปี พ.ศ. 2559). ฝ่ายแผนและพัฒนา สถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตเชียงใหม่.
สำนักปลัดเทศบาล, เทศบาลนครเชียงใหม่ (2558). สภาพทั่วไปของเทศบาลนครเชียงใหม่. เชียงใหม่.
สำนักงานมาตรฐานและคุณภาพอุดมศึกษา. (2557). คู่มือประกันคุณภาพการศึกษาภายในระดับอุดมศึกษาปีการศึกษา 2557. กรุงเทพฯ : ห้างหุ้นส่วนจำกัด ภาพพิมพ์.
สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร, กระทรวงคมนาคม: ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศการขนส่งและจราจร. (2558). การจดทะเบียนรถยนต์. สืบค้นเมื่อ 15 สิงหาคม 2559 จาก : http://www.otp.go.th
สำนักงานกองทุนสนับสนุนเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ. (2554). การออกกำลังกายช่วงไหนดีที่สุด. สืบค้นเมื่อ 20 ตุลาคม 2559 จาก : http://www.thaihealth.or.th
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลพบุรี. (2560). ประโยชน์ของการนวดแผนไทย. สืบค้นเมื่อ 1กรกฎาคม 2560 จาก http://thmassageinlri.com/index.php/
สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2557). สถิติด้านการขนส่ง. สืบค้นเมื่อ 10 พฤษภาคม 2559 จาก http://services.nso.go.th
อภิรดี ธรรมสรณ์ และปองศิริ คุณงาม. (2560). การศึกษาผลของการนวดแผนไทยต่อคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพของกลุ่มคนวัยทำงานนักศึกษา. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาการชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์.