ศักยภาพและจุดเด่นของแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทย
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาศักยภาพและลักษณะทางกายภาพของแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 2) ศึกษารูปแบบการจัดการและการให้บริการการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของประเทศไทย กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยบุคลากรในองค์กรภาครัฐและเอกชนที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมีความโดดเด่นในพื้นที่ 15 จังหวัด 4 ภูมิภาคของประเทศไทย จำนวน 24 คน กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในพื้นที่ศึกษา จำนวน 1,600 คน และผู้วิจัยลงศึกษาพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทย 24 แห่ง การวิจัยครั้งนี้ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงผสมวิธี ประกอบด้วยการวิจัยเชิงสำรวจ และการวิจัยคุณภาพ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวมรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสังเกต แบบสัมภาษณ์กึ่งมีโครงสร้าง และแบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูลใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหา และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ และค่าเฉลี่ย
ผลการวิจัย สรุปได้ดังนี้ ศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่มีความโดดเด่นของประเทศไทย แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ แหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพทางธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพประเภทมนุษย์สร้างขึ้น และแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพประเภทผสมผสาน พบว่า ประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่มีธรรมชาติสวยงาม มีความอุดมสมบูรณ์ บางแห่งเป็นแหล่งมรดกโลก มีการนำทรัพยากรธรรมชาติและภูมิปัญญาไทยมาใช้ในการส่งเสริมสุขภาพ แหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพส่วนใหญ่มีการจัดการที่ดีตามมาตรฐานที่กำหนด บางแห่งมีการบริหารจัดการที่ดีได้รับรางวัลระดับชาติ และระดับนานาชาติ แต่พบว่าแหล่งท่องเที่ยวบางแห่งยังมีจุดอ่อนเรื่องความสะอาด บุคลากรไม่สามารถสื่อสารภาษาต่างประเทศและไม่มีข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวเป็นภาษาอังกฤษ ขาดช่องทางการประชาสัมพันธ์ที่หลากหลายไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ
Article Details
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับวารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา. (2559). รายงานภาวะเศรษฐกิจท่องเที่ยว ฉบับที่ 3(มกราคม-มีนาคม2559). กรุงเทพมหานคร: เอ็กเซลเลนท์ บิสเนส แมเนจเม้นท์.
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย. (2553). การวิจัยโครงการสำรวจพฤติกรรมและความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศกลุ่มสุขภาพความงาม. กรุงเทพมหานคร: บริษัท มาร์เก็ตไว้ส์ จำกัด.
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย. (2554). แผนพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย. [ออนไลน์]. แหล่งที่มา: http://tourismthailand.org/.tourismthailand_index/th/. [30 สิงหาคม 2558]
เกษม จันทร์แก้ว. (2559) การสัมมนาวิพากษ์ผลลัพธ์การวิจัย แผนงานวิจัยเรื่อง การพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทยเพื่อเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในเอเชีย วันที่ 19 พฤษภาคม 2559 ณ ห้องประชุมสถาบันการพลศึกษา กรีฑาสถานแห่งชาติ ปทุมวัน กรุงเทพฯ
ทรงธรรม สุขสว่าง. (2559) การสัมมนาวิพากษ์ผลลัพธ์การวิจัย แผนงานวิจัยเรื่อง การพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทยเพื่อเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในเอเชีย วันที่ 19 พฤษภาคม 2559 ณ ห้องประชุมสถาบันกาลพลศึกษา กรีฑาสถานแห่งชาติ ปทุมวัน กรุงเทพฯ
สุนิษา เพ็ญทรัพย์ และปวันรัตน์ แสงสิริโรจน์. (2555) พฤติกรรมและความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวชาวไทยต่อการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ กรณีศึกษาบ่อน้ำพุร้อนรักษะวาริน อำเภอเมือง จังหวัดระนอง. มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา.
อริศรา ห้องทรัพย์. (2558). แนวทางพัฒนาการจัดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพแหล่งน้ำพุร้อนในภูมิภาคทางตอนเหนือของประเทศไทย. วารสารวิทยาศาสตร์การกีฬาและสุขภาพ, 16(3) (กันยายน- ธันวาคม 2558) : 76-90.
Smith, M. and Puczko, L. (2009). Health and Wellness Tourism. Oxford :Elsevier.