การวิเคราะห์องค์ประกอบสมรรถนะวิชาชีพสําหรับนักศึกษาสาขาวิชาพลศึกษา และวิทยาศาสตร์การกีฬา สถาบันการพลศึกษา : โมเดลจาก 3 มุมมอง

Main Article Content

มลิวัลย์ ผิวคราม

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาองค์ประกอบสมรรถนะวิชาชีพสําหรับนักศึกษาสาขาวิชา พลศึกษาและวิทยาศาสตร์การกีฬา โดยสํารวจความคิดเห็นจากสถานศึกษา สถานประกอบการ ครู-อาจารย์ และนักศึกษา ศึกษาข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างสถานศึกษา โดยใช้วิธีสุ่มอย่างง่าย ประกอบด้วย สถานศึกษา จํานวน 115 แห่ง สถานประกอบการ จํานวน 115 แห่ง ครู อาจารย์ที่สอนนักศึกษา จํานวน 253 คน และนักศึกษาสาขาวิชา พลศึกษาและสาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา โดยการสุ่มแบบแบ่งชั้น จํานวน 399 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสํารวจ โดยวิธีสกัดองค์ประกอบหลักและ หมุนแกนองค์ประกอบแบบตั้งฉากด้วยวิธีแวริแมกซ์


ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้


  1. ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสํารวจจากนักศึกษา ครู-อาจารย์ และสถานศึกษา/สถาน ประกอบการ พบว่าสมรรถนะวิชาชีพสําหรับนักศึกษาสาขาวิชาพลศึกษา มี 11 องค์ประกอบ และสาขา วิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา มี 6 องค์ประกอบ โดยแต่ละสาขาให้ความสําคัญในเรื่องความรู้ความสามารถที่ เกี่ยวข้องกับสาขาวิชาที่ออกไปประกอบอาชีพ

  2. ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบสมรรถนะวิชาชีพสําหรับนักศึกษาสาขาวิชาพลศึกษา ได้องค์ ประกอบที่สําคัญ จํานวน 11 องค์ประกอบ ได้แก่ มีและใช้ความรู้ที่ทันสมัย มีบุคลิกภาพและจรรยาบรรณ วิชาชีพ ใช้อุปกรณ์กีฬาได้ถูกต้องเป็นอย่างดี รอบรู้หลักสูตรที่สอน ความรู้ความสามารถด้านการวัดและ ประเมินผลพลศึกษา ความรู้และทักษะการสอน ความรู้ความสามารถด้านพลศึกษา ความรู้ความเข้าใจ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับพลศึกษา ความสามารถด้านการสอน มีจรรยาบรรณครู และใฝ่ใจในวิชาชีพพลศึกษา

  3. ผลการวิเคราะห์องค์ประกอบสมรรถนะวิชาชีพสําหรับนักศึกษาสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ การกีฬา ได้องค์ประกอบที่สําคัญ จํานวน 6 องค์ประกอบ ได้แก่ มีความรู้ความเข้าใจด้านวิทยาศาสตร์ การกีฬา กิจนิสัยในการทํางาน บุคลิกส่วนตัว พฤติกรรมในการทํางาน ทักษะด้านการสื่อสารกับผู้เกี่ยวข้อง และ ทัศนคติที่ดีต่อองค์กร 

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ผิวคราม ม. . (2011). การวิเคราะห์องค์ประกอบสมรรถนะวิชาชีพสําหรับนักศึกษาสาขาวิชาพลศึกษา และวิทยาศาสตร์การกีฬา สถาบันการพลศึกษา : โมเดลจาก 3 มุมมอง. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ, 3(1), 39–50. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/TNSUJournal/article/view/252190
ประเภทบทความ
บทความวิจัย