การศึกษาพฤติกรรมการใช้เวลาว่างแบบจริงจังของอาจารย์ในมหาวิทยาลัย

Main Article Content

วณัฐพงศ์ เบญจพงศ์
คัคนางค์ ประไพทรัพย์
วิมลมาลย์ สมคะเน

บทคัดย่อ

การใช้เวลาว่างอย่างจริงจัง (Serious Leisure) การเข้าร่วมกิจกรรมการใช้เวลาว่างอย่างใดอย่างหนึ่งที่มีความสม่ำเสมอเพื่อให้บรรลุสิ่งที่ตนเองคาดหวังไว้จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ซึ่งถือได้ว่า เป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความรู้ ทักษะ และประสบการณ์จากการเข้าร่วมกิจกรรมนันทนาการ อันเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มโอกาสและผสมผสานให้การใช้เวลาว่าง และการทำงานของบุคคลร่วมกันสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตส่วนบุคคลได้มากที่สุด การวิจัยครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษารูปแบบและพฤติกรรมการใช้เวลาว่างแบบจริงจัง 2) ศึกษาปัจจัยที่ทำให้ตัดสินใจใช้เวลาว่างแบบจริงจัง โดยมีการดำเนินการศึกษาด้วยวิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ ซึ่งกลุ่มตัวอย่างเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยในประเทศไทยที่มีความถี่ในการ ใช้เวลาว่างอย่างสม่ำเสมอ ได้มาจากการเลือกตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) คือ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และสุ่มกลุ่มตัวอย่างอีกครั้งด้วยการสุ่มแบบกรณีหลากหลาย (Maximum Variation Sampling) จำนวน 30 คน คณะวิจัยใช้การเก็บรวบรวมข้อมูลแบบบรรยายเหตุการณ์สำคัญที่มีค่าดัชนีความสอดคล้องอยู่ 1.0 โดยมีการบรรยายเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้เวลาว่างแบบจริงจัง และสาเหตุในการตัดสินใจใช้เวลาว่างอย่างจริงจัง ผลการศึกษาพบว่า พฤติกรรมการใช้เวลาว่างอย่างจริงจังของอาจารย์มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่เป็นการเข้าร่วมกิจกรรมหรือสถานบริการทางการใช้เวลาว่างนอกที่พักอาศัย โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดพฤติกรรมการใช้เวลาว่างอย่างจริงจังสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเด็น ได้แก่ การตระหนักรู้ และ การรับรู้ การใช้เวลาว่างอย่างจริงจังเป็นส่วนหนึ่งของความงอกงามและความสุขเพิ่มขึ้นในตัวบุคคล ซึ่งนำไปสู่การเกิดพฤติกรรมการใช้เวลาว่างอย่างต่อเนื่องด้วยมีการเพิ่มความท้าทายของกิจกรรม เพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์และสนองความต้องการของตนเองอย่างยั่งยืน จนหลอมรวมกลายเป็นพฤติกรรมหนึ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
เบญจพงศ์ ว. ., ประไพทรัพย์ ค. ., & สมคะเน ว. . (2021). การศึกษาพฤติกรรมการใช้เวลาว่างแบบจริงจังของอาจารย์ในมหาวิทยาลัย. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ, 14(1), 265–276. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/TNSUJournal/article/view/255378
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

Blackshow, Tony. (2010). Leisure. New York: Routledge.

Chomnapas Wangein. (2018). Mental health of working people. Retrieved from https://www.thaihealth.or.th/Content/43749%%E2%80%9D.html

Csikzenmihalyi, Mihaly. (1997). Finding Flow the Psychology of Engagement with Everyday Life. NY: Basic Books.

Dattilo, John. (2008). Leisure Education Program Planning a Systematic Approach. PA: Venture Publishing, Inc.

Department of Mental Health. (2018). Department of Mental Health revealed 45% of working - age people were stolen their happiness. Retrieved from https://www.dmh.go.th/news-dmh/view.asp?id=28253

Department of Physical Education. (2017). The 3rd National Recreation Development Plan (2017 – 2021). Retrieved from https://www.mots.go.th/ewt_dl_link.php?nid=10823

Kanamori, S., Takamiya, T., Inoue, S., Kai, Y., Kawachi, I., & Kondo, K. (2016). Exercising alone versus with others and associations with subjective health status in older Japanese: The JAGES Cohort Study. Scientific Reports, 6(1). doi:10.1038/srep39151.

Kelly, John R., & Freysinger, Valeria J. (2002). 21st Century Leisure Current Issues. MA: Allyn & Bacon.

Kim, J., Heo, J., Lee, I. H., & Kim, J. (2014). Predicting personal growth and happiness by using serious leisure model. Social Indicators Research, 122(1), 147 - 157. doi:10.1007/s11205-014-0680-0.

Mannell, Roger C., & Kleiber, Douglas A. (1997). A Social Psychology of Leisure. PA: Venture Publishing, Inc.

Rojek, Chris. (2005). Leisure Theory Principle and Practice. NY: Spinger.

Russell, Ruth V. (2005). Pastimes The Context of Contemporary Leisure. IL: Sagamore Publishing, Inc.

Stebbins, R. A. (2017). Serious leisure: A perspective for our time. New York: Routledge.

Weng, P., & Chiang, Y. (2014). Psychological restoration through indoor and outdoor leisure activities. Journal of Leisure Research, 46(2), 203 - 217. doi:10.1080/00222216. 2014.11950320.