ภาวะผู้นําของผู้ฝึกสอนและความพึงพอใจของนักกีฬาที่มี ความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการเล่นและwลการแข่งขันฟุตบอล ในการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 27
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยภาวะผู้นําของผู้ฝึกสอนและความพึงพอใจของนักกีฬาที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรม การเล่นและผลการแข่งขันฟุตบอล ในการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 27 มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อ ศึกษาภาวะผู้นําของผู้ฝึกสอนและความพึงพอใจของนักกีฬา ในการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 27 (2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ ระหว่างภาวะผู้นําของผู้ฝึกสอนและความพึงพอใจของนักกีฬา ที่มีความ สัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการเล่น และผลการแข่งขันฟุตบอล ในการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 27 (3) เพื่อสร้างสมการทํานายระหว่างภาวะผู้นําของผู้ฝึกสอนและความพึงพอใจของนักกีฬา ที่มีความสัมพันธ์ ต่อพฤติกรรมการเล่น และผลการแข่งขันฟุตบอล ในการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 27 ซึ่งเป็นการ วิจัยแบบผสม คือ เชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ โดยการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักกีฬาฟุตบอลทีมชายและทีมหญิง ที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 27 จํานวน 432 คน โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม และแบบบันทึกผล การแข่งขัน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ แบบเพียร์สัน และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ ส่วนการวิจัยเชิงคุณภาพ เป็นนักกีฬาที่เป็นตัวแทนทีม ทีมละ 3 คน รวม 72 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ และแบบสังเกต
ผลการวิจัยพบว่า (1) ภาวะผู้นําของผู้ฝึกสอน และความพึงพอใจของนักกีฬา โดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง
(2) ภาวะผู้นําของผู้ฝึกสอน มีความสัมพันธ์ กับพฤติกรรมการเล่นของนักกีฬา 3 ด้าน คือ ภาวะ ผู้นําด้านการฝึกซ้อมและการให้คําแนะนํา ด้านมิติผู้นําแบบเผด็จการ และด้านมิติผู้นําแบบประชาธิปไตย และมีความสัมพันธ์ กับผลการแข่งขันฟุตบอล 4 ด้าน คือ ภาวะผู้นําด้านการฝึกซ้อมและการให้คําแนะนํา ด้านมิติผู้นําแบบประชาธิปไตย ด้านการช่วยเหลือสังคมและหมู่คณะ และด้านผลลัพธ์ด้านบวกหรือ การให้รางวัล อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ส่วนความพึงพอใจของนักกีฬา มีความสัมพันธ์ กับ
ผลการแข่งขันฟุตบอล 6 ด้าน คือ ความพึงพอใจด้านยุทธศาสตร์ ด้านการปฏิบัติเฉพาะตัว ด้านการสอน และการแนะนํา ด้านการมีส่วนร่วมในงานของทีม ด้านการมีส่วนร่วมด้านสังคม และด้านงบประมาณ และ มีความสัมพันธ์ กับพฤติกรรมการเล่น 7 ด้าน คือ ความพึงพอใจด้านยุทธศาสตร์ ด้านการปฏิบัติเฉพาะตัว ด้านการสอนและการแนะนํา ด้านการมีส่วนร่วมในงานของทีม ด้านการมีส่วนร่วมด้านสังคม ด้านจริยธรรม และด้านงบประมาณ อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01
(3) ตัวแปรที่ร่วมทํานายภาวะผู้นําของผู้ฝึกสอนที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการเล่น ในการ แข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 27 ได้สมการในรูปคะแนนมาตรฐาน ดังนี้
- 2 = 726 (ด้านมิติผู้นําแบบเผด็จการ) 4.095 (ด้านการฝึกซ้อมและการให้คําแนะนํา) ตัวแปรที่ร่วม ทํานายภาวะผู้นําของผู้ฝึกสอน ที่มีความสัมพันธ์ต่อผลการแข่งขันฟุตบอลในการแข่งขันกีฬาเยาวชน แห่งชาติ ครั้งที่ 27 ได้สมการในรูปคะแนนมาตรฐาน ดังนี้
2 = 317 (ด้านการฝึกซ้อมและการให้คําแนะนํา) +235 (ด้านมิติผู้นําแบบประชาธิปไตย) + 215 (ด้านการช่วยเหลือ สังคมและหมู่คณะ) 4.191 (ด้านผลลัพธ์ด้านบวกหรือการให้รางวัล)
ตัวแปรที่ร่วมทํานายความพึงพอใจของนักกีฬา ที่มีความสัมพันธ์ต่อผลการแข่งขันฟุตบอลในการ แข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 27 ได้สมการในรูปคะแนนมาตรฐาน ดังนี้
2 = 393 (ด้านยุทธศาสตร์) +.278 (ด้านการสอนและการแนะนํา) +.311 (ด้านงบประมาณ) 1.088 (ด้านการมีส่วนช่วยด้านสังคม)
ตัวแปรที่ร่วมทํานายความพึงพอใจของนักกีฬา ที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการเล่น ในการ แข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 27 ได้สมการในรูปคะแนนมาตรฐาน ดังนี้
2 = 658 (ด้านจริยธรรม) +.152 (ด้านการมีส่วนช่วยในงานของทีม) 4.142 (ด้านการปฏิบัติ เฉพาะตัว)
สรุป ภาวะผู้นําของผู้ฝึกสอนและความพึงพอใจของนักกีฬา มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการเล่น และผลการแข่งขันฟุตบอลในการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 27
ข้อเสนอแนะที่ได้จากการวิจัยครั้งนี้คือ ผู้ฝึกสอนทีมฟุตบอลเยาวชน ควรมีภาวะผู้นําในทุกๆ ด้าน ยกเว้นด้านมิติผู้นําแบบเผด็จการ และควรสร้างความพึงพอใจให้กับนักกีฬา เพราะจะทําให้นักกีฬาประสบ ความสําเร็จในการแข่งขัน ส่งผลให้นักกีฬามีพฤติกรรมที่เหมาะสมกับการเป็นนักกีฬาที่ดี
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับวารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
เอกสารอ้างอิง
ธวัช วีระศิริวัฒน์. (2538), หลักและการฝึกกีฬา, กรุงเทพฯ : ภาควิชาพลศึกษา คณะพลศึกษา สถาบันราชภัฏกําแพงเพชร.
นกุล โสตถิพันธ์. (2549). การพัฒนารูปแบบการฝึกอบรมผู้ฝึกสอนกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทยเพื่อปลูกฝังคุณลักษณะที่พึงประสงค์, วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
นิลมณี ศรีบุญ. (2544). พฤติกรรมของผู้ฝึกสอนกีฬาที่มีผลต่อความสามัคคี ความพึงพอใจและความสัมพันธ์กับความสามารถของนักกีฬาในการแข่งขันกีฬาราชภัฏเกมส์ 1999. ดุษฎีนิพนธ์ กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม.
บุญมา กุลชาติ. (2550). ผลกระทบของภาวะผู้นําและจริยธรรมทางธุรกิจของผู้จัดการสาขาที่มีต่อผลการดําเนินงานของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร, วิทยานิพนธ์ การจัดการมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
ประโยค สุทธิสง่า. (2537). คู่มือการสอนฟุตบอล, กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช.
ประวิทย์ ไชยสาม. (2526), เทคนิคการฝึกฟุตบอล, กรุงเทพฯ : พุทธบูชาการพิมพ์.
วาสนา คุณอภิสิทธิ์. (2540), ความสําคัญและความเป็นมาของพลศึกษาและกีฬากับคุณภาพชีวิต. วารสารวิทยาศาสตร์การออกกําลังกายและการกีฬา, 1 (1), 1-6.
วิเชียร วิทยอุดม. (2548). ภาวะผู้นํา LEADERSHIP. กรุงเทพฯ : ธีระฟิลม์ และไซเท็กซ์.
ศิริวรรณ เสรีรัตน์ และคณะ. (2539) การบริหารการตลาดยุคใหม่. กรุงเทพฯ : พัฒนาศึกษา.
สุรางค์ โค้วตระกูล. (2552) จิตวิทยาการศึกษา. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย