การบริหารจัดการเพื่อพัฒนากีฬายิมนาสติกศิลป์ สู่ความเป็นเลิศตามการรับรู้ของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมาย เพื่อศึกษาแนวทางการบริหารจัดการเพื่อพัฒนากีฬายิมนาสติกศิลป์ สู่ความเป็นเลิศตามการรับรู้ของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ฝึกสอน นักกีฬาและผู้บริหารสมาคม ที่ทํางานเกี่ยวข้องกับกีฬายิมนาสติกศิลป์ กลุ่ม ๆ ละ 10 คน รวม 30 คน เก็บรวมข้อมูลด้วยวิธีการ สัมภาษณ์ถึงโครงสร้าง การกระตุ้นความจําด้วยภาพถ่าย และการเขียนแผนที่ความคิด วิเคราะห์ด้วยการ เปรียบเทียบความคงที่ของข้อมูล (Constant Comparison) เพื่อหาหัวเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนากีฬา ยิมนาสติกศิลป์สู่ความเป็นเลิศ ทําการตรวจสอบความเชื่อถือได้ของข้อมูลด้วยวิธีการสามเส้า (Triangulation) และการอยู่ในสนามศึกษาเป็นเวลานาน (Prolonged Engagement) ผลการวิจัยพบว่า การพัฒนากีฬายิมนาสติกศิลป์สู่ความเป็นเลิศต้องเริ่มพัฒนาบุคคลที่เกี่ยวข้อง 3 กลุ่ม ได้แก่ การพัฒนา ผู้ฝึกสอน (แบ่งระดับผู้ฝึกสอน วางแผนการเพิ่มจํานวนผู้ฝึกสอน มีการพัฒนาและยกระดับผู้ฝึกสอน สร้าง เสริมประสบการณ์ให้แก่ผู้ฝึกสอน) การพัฒนานักกีฬา (เพิ่มจํานวนของนักกีฬา พัฒนาขีดความสามารถ ของนักกีฬา สร้างเสริมประสบการณ์ในการแข่งขัน) และการพัฒนาผู้บริหารสมาคม (กําหนดวาระของ กรรมการบริหารสมาคมกีฬายิมนาสติกให้เหมาะสม จัดหางบประมาณเพื่อจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ และ จัดหา งบประมาณในการพัฒนาผู้ฝึกสอนและนักกีฬา)
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับวารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
เอกสารอ้างอิง
การกีฬาแห่งประเทศไทย. (2541). แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 2. กรุงเทพ: นิวไทยมิตรการพิมพ์ (1996) จํากัด.
จารุพงศ์ พลเดช. (2546). การบริหารแบบมีส่วนร่วมและการให้อํานาจปฏิบัติ, วารสารพัฒนาชุมชน. 42(4): 13.
เดโช แสนภักดี. (2546). ปัจจัยที่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วมในโครงการหนึ่งตําบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ของ สมาชิกกลุ่มอาชีพจังหวัดขอนแก่น, ปริญญานิพนธ์, กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. ถ่ายเอกสาร.
บรรณสิทธิ สิทธิบรรณกูล. (2548). การศึกษาสภาพการดําเนินการจัดการทางการกีฬาขององค์การบริหารส่วนตําบล จังหวัดนครนายก. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (สาขาวิชาพลศึกษา), กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ถ่ายเอกสาร.
เปี่ยมศักดิ์ ภูมิพานิชย์. (2547), สภาพและปัญหาของผู้ฝึกสอนโครงการเงินอุดหนุนการเตรียมความพร้อมสู่ความเป็นเลิศในการแข่งขันกีฬาของการกีฬาแห่งประเทศไทย ปีงบประมาณ 2546. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (สาขาวิชาพลศึกษา), กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ถ่ายเอกสาร.
นเรศ กุลธวงศ์วัฒนา. (2537), คุณลักษณะที่เป็นจริงและคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้ฝึกสอนกีฬายิมนาสติกตามการรับรู้ของนักกีฬา ผู้ฝึกสอน และผู้จัดการทีม. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (สาขาวิชาพลศึกษา), กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ถ่ายเอกสาร.
สมาคมยิมนาสติกแห่งประเทศไทย. (2554). แผนยุทธศาสตร์กีฬายิมนาสติก, กรุงเทพฯ: ถ่ายเอกสาร.
สาลี่ สุภาภรณ์. (2550). วิจัยเชิงคุณภาพทางพลศึกษาและกีฬา, กรุงเทพฯ: ห้างหุ้นส่วนจํากัดสามลดา.
สมยศ นาวีการ. (2545). การบริหารแบบมีส่วนร่วม. กรุงเทพฯ: ม.ป.พ.
Federation International Gymnastics. (2013). Code of Point. Retrieved September 3, 2013, from www.Olympic.org/fig-artistic gymnastics.
Freeman, R.E. (1984). Strategic Management: Stakeholders Approach. Boston: Pitman.
Nguyen, Mina Thanh Van Dinh. (2000). Coaching Gymnastics Successfully: A Strategies Manual for Coaches, Gymnasts, and Parent. ProQuest Dissertations & Theses (PQDT) pg. n/a