พฤติกรรมการสร้างเสริมสุขภาพของประชาชนกลุ่มเสี่ยงสูงต่อโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ตําบลห้วยกะปิ อําเภอเมือง จังหวัดชลบุรี
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาและเปรียบเทียบพฤติกรรมการสร้างเสริมสุขภาพของประชาชนกลุ่ม เสี่ยงสูงต่อโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ตําบลห้วยกะปิ อําเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ตามตัวแปร เพศ อายุ รอบเอง ค่าดัชนีมวลกาย ค่าความดันโลหิต ประวัติญาติสายตรงป่วยด้วยโรคเบาหวาน และศึกษาความสัมพันธ์ ระหว่างการรับรู้ประโยชน์การปฏิบัติพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ การรับรู้อุปสรรคการปฏิบัติพฤติกรรม สร้างเสริมสุขภาพ การรับรู้ความสามารถตนเองการปฏิบัติพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ และความรู้สึก ต่อพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ ต่อพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษามี จํานวน 150 คน โดยสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น สถิติที่ใช้ในการ วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที และการทดสอบ ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน โดยใช้โปรแกรมประมวลผลสําเร็จรูป
ผลการวิจัยพบว่า 1. ประชาชนกลุ่มเสี่ยงสูงต่อโรคเบาหวานชนิดที่2 มีพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพอยู่ในระดับปรับปรุง
- ประชาชนกลุ่มเสี่ยงสูงต่อโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มี เพศ อายุ ความดันโลหิต เส้นรอบเอว ค่าดัชนีมวลกาย และประวัติญาติสายตรงป่วยด้วยโรคเบาหวาน ต่างกันมีพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ ไม่แตกต่างกัน
- การรับรู้ประโยชน์การปฏิบัติพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ การรับรู้ความสามารถตนเองการ ปฏิบัติพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ และความรู้สึกต่อพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพมีความสัมพันธ์ทางบวก ต่อพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพของประชาชนกลุ่มเสี่ยงสูงต่อโรคเบาหวานชนิดที่ 2 อย่างมีนัยสําคัญทาง สถิติที่ระดับ .05
- การรับรู้อุปสรรคการปฏิบัติพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพมีความสัมพันธ์ทางลบต่อพฤติกรรม สร้างเสริมสุขภาพ อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับวารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงสาธารณสุข.2556. ข้อมูลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (2556). สํานักโรคไม่ติดต่อกรมควบคุมโรค.
ชัชลิต รัตรสาร.2013. การระบาดของโรคเบาหวานและผลกระทบที่มีต่อประเทศไทย. กรุงเทพมหานคร. Novo Nordisk Pharma (Thailand) Ltd;
ซูศรี วงศ์รัตนะ, 2550. เทคนิคการใช้สถิติเพื่อการวิจัย, นนทบุรี: ไทเนรมิตกิจอินเตอร์โปรแกรสซิฟ.
วิชัย เอกพลากร.2548.รายงานการศึกษาพัฒนาดัชนีความเสี่ยงต่อเบาหวาน, กรุงเทพฯ.
วีรวรรณ ห้วยหงส์ทอง. (2547). พฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของครูประถมศึกษา สํานักงานเขตพื้นที่ 5 การศึกษานครปฐม เขต 1 และ เขต 2. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (สุขศึกษา). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. (ถ่ายเอกสาร).
ราม รังสินธุ์, ปิยทัศน์ ทัศนาวิวัฒน์ และ คณะทํางาน. (2555). การประเมินผล การดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และความดันโลหิตสูงของโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขและโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร. กรุเทพฯ: สํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ. (ถ่ายเอกสาร).
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจําตําบลห้วยกะปิ (2555).ทะเบียน NCD ปีงบประมาณ 2554-2556.
พงศ์เทพ เกตุไกว. (2544). พฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ 5 สาธารณสุขระดับตําบลในจังหวัดปทุมธานี. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม.(สุขศึกษา), กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัยมหาศรีนครินทรวิโรฒ (ถ่ายเอกสาร).
เพชรรัตน์ เกิดดอนแฝก. (2554). การรับรู้ความเสี่ยง ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานตามเกณฑ์ และวิถีชีวิตที่ส่งเสริมสุขภาพในญาติสายตรงลําดับแรกของผู้ที่เป็นเบาหวาน, Rama Nurs J• May - August 2010 Vol. 16 No. 2 171( 169-184)
นฤมล หิรัญวัฒนะ. (2550). พฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพนายทหารประทวน สังกัดกองบัญชาการกองทัพบก. ปริญญานิพนธ์ วท.ม. (สุขศึกษา), กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. (ถ่ายเอกสาร).
สํานักงานสาธารณสุขอําเภอเมืองชลบุรี 2555 สรุปผลการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในกลุ่มเสี่ยง NCD. ชลบุรี,
สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย. 2554. แนวทางเวชปฏิบัติสําหรับโรคเบาหวาน. กรุงเทพฯ: ศรีเมืองการพิมพ์. (ถ่ายเอกสาร).
สิทธิ์ ธีรสรณ์, 2552. เทคนิคการเขียนรายงานวิจัย. (พิมพ์ครั้งที่ 3), กรุงเทพมหานคร : สํานักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ถ่ายเอกสาร).
สายทิพย์ สารี (2554). พฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของผู้ที่มีอาชีพค้าขายในมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปริญญานิพนธ์ วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (สุขศึกษา),กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ (ถ่ายเอกสาร).
สุธีรา เทศวงษ์. (2543), พฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพตนเองของผู้ป่วยสูงอายุที่มารับบริการตรวจรักษาในแผนกผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลกลาง, ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (สุขศึกษา),กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. (ถ่ายเอกสาร).
อรรถพงค์ เพ็ชร์สุวรรณ์. (2552), พฤติกรรมสุขภาพของประชาชนเกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูงและเบาหวานกรณีศึกษาผู้รับบริการทางการแพทย์เขตสถานีอนามัยอําเภอหนองจิกจังหวัดปัตตานี. (ถ่ายเอกสาร).
Krejcie, R.V., & Morgan, D. W. (1970). Determining sample size for research activities, Educational and Psychological Measurement. 30(3): 607-610.
Pender, N,J; Murdaugh, C, L.; & Parsons. (2006). Health Promotion in Nursing Practice. 4th ed. New Jersey: Pearson Education