ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการพัฒนา ผู้ตัดสินฟุตบอลอาชีwของประเทศไทย

Main Article Content

ภิรมย์ อั๋นประเสริฐ

บทคัดย่อ

การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยการพัฒนาผู้ตัดสินฟุตบอลอาชีพของประเทศไทย


กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ตัดสินฟุตบอลอาชีพ และผู้ช่วยผู้ตัดสินฟุตบอลอาชีพในประเทศไทย จํานวน 978 คน คัดเลือกแบบกําหนดจํานวนตัวอย่าง จาก 6 ภูมิภาค เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลคือ การวิเคราะห์ปัจจัยแบบยืนยัน (Confirmatory Factor Analysis : CFA)


ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยการพัฒนาผู้ตัดสินกีฬาฟุตบอลอาชีพของประเทศไทย มีความเหมาะสมในระดับ ปานกลาง (CFI = 834) ประกอบด้วย 10 ปัจจัย ได้แก่ สมรรถนะของผู้ตัดสิน (Competence) ความรับผิดชอบ และความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ (Professional Responsibility and Integrity) การควบคุมการแข่งขัน (Competition Control) สถานภาพการจ้างงาน (Employment Status) สวัสดิการ การปกป้องสิทธิ์ และ การให้ความปลอดภัย (Welfare, Right Protection, Safety, and Security) ความรับผิดชอบต่อการตัดสิน (Responsible Refereeing) กฎหมาย การรับการร้องเรียน การสอบสวนและการลงโทษ (Laws, Filing Complaints, Investigation, and Punishment) และระเบียบวินัย แนวการปฏิบัติงานและจรรยาบรรณของ ผู้ตัดสิน (Disciplines, Guidelines, and Codes of Conducts) ขีดความสามารถในการตัดสินฟุตบอล (Refereeing Competency) และขีดความสามารถในการบริหารจัดการในการตัดสิน (Managerial Refereeing Competency)


สรุปผลการวิจัย คือ ปัจจัยการพัฒนาผู้ตัดสินฟุตบอลอาชีพของประเทศไทย ทั้ง 10 ปัจจัย มีความ เหมาะสมที่จะนําไปใช้พัฒนาผู้ตัดสินได้อยู่ในระดับปานกลาง การพัฒนาสถานะภาพการจ้างงาน สมรรถนะ ผู้ตัดสิน และความรับผิดชอบและความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพจะส่งผลอย่างมีนัยสําคัญต่อการพัฒนาผู้ตัดสิน ฟุตบอลอาชีพของประเทศไทย


ข้อเสนอแนะที่ได้จากการวิจัย คือ การพัฒนาผู้ตัดสินฟุตบอลอาชีพของประเทศไทยควรจัดตั้งสมาคม หรือสมาคมวิชาชีพผู้ตัดสินโดยมีกฎหมาย หรือ พ.ร.บ. มีองค์กรอิสระควบคุมการดําเนินงาน และมีพนักงาน ทํางานเต็มเวลา

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
อั๋นประเสริฐ ภ. . (2016). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการพัฒนา ผู้ตัดสินฟุตบอลอาชีwของประเทศไทย. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ, 8(1), 95–108. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/TNSUJournal/article/view/256805
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

การกีฬาแห่งประเทศไทย. (2543), รายงานการประเมินผลการแข่งขันฟุตบอลไปสู่อาชีพ : โครงการนําร่องระยะเวลา 5 ปี พ.ศ. 2542-2547. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

จุฑา ติงศภัทิย์. (2540), การศึกษาตัวบ่งชี้การพัฒนาการกีฬาของไทย : การพัฒนาการกีฬาเพื่อการอาชีพ. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ดิฏฐชัย จันทร์คุณา. (2556). การนํารูปแบบการสร้างคุณค่าความสามารถในการแข่งขันมาใช้เพื่อพัฒนาประสิทธิผลองค์กรกีฬาในประเทศไทย. วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการการกีฬา, บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม.

ภัทราวุธ ขาวสนิท. (2554). การพัฒนามาตรฐานวิชาชีพผู้ตัดสินกีฬาฟุตบอลของกรมพลศึกษา. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา, คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

รัชนี ขวัญบุญจัน, นิลมณี ศรีบุญ และดิฏฐชัย จันทร์คุณา. (2557). โครงการศึกษาแนวทางการพัฒนามาตรฐานวิชาชีพบุคลากรด้านการกีฬาและแนวทางการจัดตั้งองค์กรอิสระวิชาชีพบุคลากร ด้านการกีฬา, กรุงเทพฯ : กรมพลศึกษา.

ศุภพร มาพึ่งพงศ์. (2546). การพัฒนากีฬาอาชีพในประเทศไทย. กรุงเทพฯ :การกีฬาแห่งประเทศไทย.

อเนก ทิพรักษ์. (2546). แนวทางการพัฒนากีฬาฟุตบอลทีมชาติไทยสู่ความเป็นเลิศในทศวรรษหน้า (พ.ศ. 2545-2555).ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาพลศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

FIFA. (2014). Law of the Game 2014/2015. Zurich, Switzerland: FIFA.

Kline, R. B. (2005). Principles and Practice of Structural Equation Modeling. (2nd ed.). NY: The Guilford Press.

Morakinyo, E. (2008). Legal Liability of Referees for Negligence During Sports Competition. International Sports Law Review Pandektis, 7 : 467-476.