การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ด้านกีฬาและนันทนาการตามแนวคิด SAM Sport Activity ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอนุบาลเมืองใหม่ชลบุรี
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้านกีฬาและนันทนาการตามแนวคิด SAM sport Activity ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอนุบาลเมืองใหม่ชลบุรี และเพื่อประเมินความรู้ พฤติกรรม เจตคติ ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้านกีฬาและการออกกำลังกายตามแนวคิด SAM sport Activity การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้านกีฬาและการออกกำลังกายตามแนวคิด SAM sport Activity กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอนุบาลเมืองใหม่ชลบุรี จำนวน 15 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิด SAM Sport Activity 2) แบบประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ 3) แบบทดสอบความรู้ ก่อนและหลังการเข้าร่วมกิจกรรม 4) แบบสังเกตพฤติกรรมนักเรียน และ5) แบบวัดเจตคติก่อนและหลังการเข้าร่วมกิจกรรม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าสถิติพื้นฐาน ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าความถี่ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าทางสถิติ t - test แบบ paired simple
ผลการวิจัยพบว่า1) การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ด้านกีฬาและนันทนาการตามแนวคิด SAM Sport Activity ควรให้ความสำคัญกับกิจกรรมทั้ง 3 ด้าน ทั้งกีฬา (S) ศิลปะ (A) และดนตรี (M) ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 2) ผลการเปรียบเทียบการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนคะแนนด้านความรู้ (K) พฤติกรรม (P) และเจตคติ (A) ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนตามแผนการจัดการเรียนรู้ด้านกีฬาและนันทนาการตามแนวคิด SAM Sport Activity ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนอนุบาลเมืองใหม่ชลบุรี หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) ผลการสังเกตพฤติกรรมนักเรียนพฤติกรรมของนักเรียน ก่อน - หลังการเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิด SAM Sport Activity นักเรียนมีความกล้าในการแสดงออก มีจิตนาการ มีความสุขกับกิจกรรมและการเคลื่อนไหวที่ดีขึ้น และ4) การใช้กิจกรรมตามแนวคิด SAM Sport Activity มีส่วนช่วยให้นักเรียนพัฒนาการใช้สมองซีกขวา ซึ่งส่งเสริมการใช้จินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ การกล้าแสดงออก การมีความสุขและมีส่วนร่วมในกิจกรรม อีกทั้งยังส่งเสริมการเรียนรู้ แบบการลงมือทำ Learning by doing ทำให้มีพัฒนาการ ทั้งด้านความรู้ พฤติกรรม และเจตคติ
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับวารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
เอกสารอ้างอิง
Sugree jareonsuk. (2023). Learning to develop aesthetics art, music, sports. Journal of Education Studies, 26(5), 61 - 66.
Bruce D. Perry. (2020). Sport, music & art: The bedrock of academics: Neurosequential network series on stress & trauma. Retrieved from https://youtu.be/gJ5Cctx3FDc
Nel Noddings. (2016). Philosophy of Education (4th ed.). New York: Routledge.
Khanchai Athikiat, & Thanarak Santhuenkaew. (2017). Modern teaching and new teaching techniques. Retrieved from https://regis.skru.ac.th/RegisWeb/webpage/addnews/ data/2017-07-24_078.pdf
Hurd, A. P., & Anderson, D. M. (2011). The Park and Recreation Professional Handbook. Illinois: Human Kinetic.
Sataporn Puttikul. (2015). Learner quality arising from the learning process. Sa Kaeo: Faculty of Technology Agriculture, Burapha University Sa Kaeo Campus.
Armstrong, P. (2010). Bloom’s taxonomy. Vanderbilt University center for teaching. Retrieved from https://cft.vanderbilt.edu/guides-sub-pages/blooms-taxonomy/
Bongkoch Jansukwong. (2019). The model of sport management for excellence in Thailand sport school of national sport university, Ministry of Tourism and Sports (Doctoral dissertation), Naresuan University.
Royal Institute dictionary. (2003). Royal Institute dictionary of Thailand. Bangkok: Nanmeebook Publication.
Tissana Kammanee. (2010). The science of teaching knowledge for organizing the learning process that has efficiency. Bangkok: Chulalongkorn University Printing House.
Sombut Karnjanakij. (2001). Recreation, Community and School. Bangkok: Chulalongkorn University Printing House.
