การพัฒนาตำรับครีมนวดสารสกัดน้ำมันจากไพลและผิวมะกรูดโดยใช้เบสครีมโกโก้บัตเตอร์ เพื่อลดอาการปวดเมื่อยในนักกีฬามหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาตำรับครีมนวดสารสกัดน้ำมันจากไพลและผิวมะกรูดโดยใช้เบสครีมโกโก้บัตเตอร์ ศึกษาประสิทธิผลของครีมนวดในการบรรเทาอาการปวดเมื่อย และประเมินความพึงพอใจต่อลักษณะทางกายภาพของครีมนวดในกลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ คือ นักกีฬามหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตเชียงใหม่ จำนวน 30 คน คัดเลือกด้วยการสุ่มแบบง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่
แบบประเมินระดับอาการปวดด้วยมาตรวัดความปวดแบบตัวเลข ในบริเวณที่มีอาการปวดก่อน และหลังทาครีมทุก 15 นาที 30 นาที และ 60 นาที เป็นเวลา 3 วัน และแบบประเมินความพึงพอใจต่อครีมหลังการใช้ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ dependent Sample test ผลการวิจัยพบว่าลักษณะทางกายภาพของครีมมีสีเหลืองอ่อน เนื้อเนียน ไม่ตกตะกอน มีกลิ่นของน้ำมันไพลและผิวมะกรูดชัดเจน จากการประเมินค่าเฉลี่ยระดับอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อของกลุ่มตัวอย่างในการทดสอบวันที่ 1 2 และ 3 ก่อนทาครีม และหลังทาครีม 15 นาที 30 นาทีและ 60 นาที พบว่า ระดับอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (p < 0.05) ความพึงพอใจของกลุ่มตัวที่มีต่อลักษณะทางกายภาพของครีม พบว่ามีความพึงพอใจต่อเนื้อสัมผัส สี ความหนืด รูปแบบความน่าใช้อยู่ในระดับมาก และความพึงพอใจต่อกลิ่นในระดับปานกลาง ความพึงพอใจที่มีต่อลักษณะทางกายภาพระหว่างการใช้พบว่า มีความพึงพอใจต่อการแผ่กระจายบนผิวหนัง การซึมผ่านผิวหนัง ความชุ่มชื้น และความเหนอะหนะอยู่ในระดับมาก ส่วนความพึงพอใจต่อกลิ่นระหว่างใช้อยู่ในระดับปานกลาง
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับวารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
เอกสารอ้างอิง
Atchara Uthitsuwan. (1993). Phamaceutical dosage forms. Bangkok: Chulalongkorn University.
Boonchom Srisa-Ard. (2013). Introduction to research (9th ed.). Bangkok: Suweerovasarn.
Castarlenas, E., Jensen, M. P., & Baeye, C. L. (2017). Psychometric properties of the numerical rating scale to assess self-reported pain intensity in children and adolescents: A systematic review. The clinical journal of pain, 33(4), 376-383.
Hassan, M. M., Adhikari-Devkota, A., Imai, T., & Devkota, H. P. (2019). Zerumbone and Kaempferol Derivatives from the Rhizomes of Zingiber montanum (J. Koenig) LinkexA. Dietr. from Bangladesh. Separations, 6, 31-38.
Kidarn, S., Saenjum, C., Hongwiset, D., & Phrutivorapongkul, A. (2018). Furanocoumarins from Kaffir lime and their inhibitory effects on inflammatory mediator production. Cogent chemistry, 4, 1529259.
Kligman, A. M. (1996). The identification of contact allergens by human assay: III. The maximization test: a procedure for screening and rating contact sensitizers. Journal of Investigative Dermatology, 47(5), 393 - 409.
Loisel, C., Keller, G., Lecq, G., Bourgau, C., & Ollivon, M. (1998). Phase transitions and polymorphism of cocoa butter. Journal of the American Oil Chemists' Society, 75, 425 - 439.
Maitree Koonlaboot, & Tapanee Hongratanaworakit. (2015). Muscle pain relief effect and satisfaction of blended essential oil preparation. Journal of Science and Technology, 7(13), 50 - 64.
Piroon Tangsripong, Artit Laoruengthana, Kitti Tantrawiwat, Parinya Lertsinthai, Chaiyong Jorrakate, & Chotika Wongcharoen. (2017). Sport injuries and illness of Thai athletes in 18th Asean university games, 2016. Buddhachinaraj Medical Journal, 34(1), 32 - 40.
Tangyuenyongwanata, P., & Gritsanapan, W. (2014). Prasaplai: An essential Thai traditional formulation for primary dysmenorrhea treatment. TANG Humanitas medicine, 4(2), 10 - 15.
Vliet, A. V., Eiserich, J. P., & Cross, C. E. (2000). Nitric oxide: A pro - inflammatory mediator in lung disease. Respiratory Research, 1(2), 67 - 72.
