กระบวนการพัฒนาซอฟต์สกิลโดยใช้กิจกรรมค่ายอาสาสำหรับนิสิต ระดับปริญญาตรีสาขาเทคโนโลยีการศึกษามหาวิทยาลัยบูรพา
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความต้องการจำเป็น และองค์ประกอบซอฟต์สกิล 2) ออกแบบพัฒนากิจกรรมค่ายอาสา 3) เปรียบเทียบซอฟต์สกิลของนิสิตระดับปริญญาตรีหลังจัดกิจกรรมค่ายอาสาเทียบกับเกณฑ์ โดยแบ่งการวิจัยเป็นระยะที่1 การสอบถามความต้องการจำเป็น กลุ่มตัวอย่างคือ นิสิตระดับปริญญาตรีสาขาเทคโนโลยีการศึกษา จำนวน165 คน เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ แบบสอบถามความต้องการจำเป็น ระยะที่ 2 การออกแบบและพัฒนารูปแบบกิจกรรมค่ายอาสา แหล่งข้อมูลสำหรับประเมินรูปแบบคือกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 7 คน เครื่องมือที่ใช้ได้แก่แบบประเมินความเหมาะสมรูปแบบกิจกรรมค่ายอาสา ระยะที่ 3 การจัดกิจกรรมค่ายอาสา แหล่งข้อมูลคือ นิสิตระดับปริญญาตรี จำนวน 38 คน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 41 คน เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ แบบประเมินซอฟต์สกิลและแบบประเมินความรู้การออกแบบและผลิตสื่อ ผลการวิจัยพบว่า 1) ค่าดัชนีความสำคัญของลำดับความต้องการจำเป็น (PNIModified) อยู่ระหว่างร้อยละ 28 ถึง 56 รายการความต้องการจำเป็นที่มีค่าสูงสุดมีความสำคัญเป็นลำดับที่ 1 คือ ภาวะผู้นำ (PNI modified = 0.56) 2) รูปแบบกิจกรรมค่ายอาสาสำหรับนิสิตระดับปริญญาตรีสาขาเทคโนโลยีการศึกษา มหาวิทยาลัยบูรพา โดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก (=4.17), (S.D.=.28) มีส่วนประกอบ คือ ปัจจัยนำเข้า กระบวนการ ผลลัพธ์ และผลย้อนกลับ 3) หลังจากการจัดกิจกรรมค่ายอาสา นิสิตที่เข้าร่วมกิจกรรมค่ายอาสามีซอฟต์สกิลโดยรวมอยู่ระดับมาก (
= 4.27), (S.D. = .16) เมื่อเทียบกับเกณฑ์ และคะแนนความรู้ด้านการออกแบบและผลิตสื่อของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 หลังเข้าร่วมกิจกรรมค่ายอาสาสูงกว่าก่อนเข้าร่วมกิจกรรมค่ายอาสาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับวารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
เอกสารอ้างอิง
Apichat Lekdee, Somjet Poosri, & Worapapha Aree – rasat. (2016). Development of volunteer camp activities using the PAOR cycle for learning EDLTV media for small schools in the Mahasarakham University Network. Journal of Industrial Education, King Mongkut’s University of Technology North Bangkok, 7(2), 259 - 267.
Chaiyong Promwong, & Chaowalit Lertchalolarn. (1993). Systems and systematization. In Compilation of Educational System Management Course Unit 1, (pp. 1 – 62). Nonthaburi: Faculty of Education, Sukhothai Thammathirat Open University.
Chidarat Phonok. (2014). Soft skills. Retrieved from http://legacy.orst.go.th
Equitable Education Research Institute. (2023). Human capital to eliminate intergenerational poverty and career preparation for children and youth to enter the labor market. Bangkok: Book Dance Studio.
Jobs DB. (2022). Empathy: the skill of empathy for others, a concept to strengthen organizations. Retrieved from www.jobsdb.com
Krejcie, R. & Morgan, D. (1970). Determining sample sizes for research activities. Educational and Psychological Measurement, 30, 607 - 610.
Kriengsak Chareonwongsak. (2018). Systematize thinking. Bangkok: Success Publishing.
Office of the Education Council. (2019). The document accompanies a special lecture on educational standards towards enhancing the quality of Thai people 4.0. Bangkok: 21st Century.
Office of the Education Council. (2022). Thai education report 2022. Bangkok: Prigwhan Graphic.
Office of the Education Council. (2023). Summary of key points in the report on monitoring and evaluation of education management according to the national education plan (2017-2036) in the first five years of the plan (2017 - 2021). Bangkok: Prigwhan Graphic.
Office of the Higher Education Commission. (2018). Strategy for student development in higher education institutions (2017-2021). Bangkok: Office for Student Development Promotion.
Suwimol Wongvanich. (2015). Needs assessment research (3rd ed.). Bangkok: Chulalongkorn University Press.