ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันโรคกระดูกและกล้ามเนื้อของเกษตรกร ผู้เพาะเห็ดหูหนูในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนหมู่บ้านเชิงสะพาน จังหวัดราชบุรี

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนาภาคตัดขวาง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับพฤติกรรมการป้องกันโรคกระดูกและกล้ามเนื้อ และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันโรคกระดูกและกล้ามเนื้อของเกษตรกรผู้เพาะเห็ดหูหนูในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนหมู่บ้านเชิงสะพาน จังหวัดราชบุรี กลุ่มตัวอย่าง คือ เกษตรกรผู้เพาะเห็ดหูหนูในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนหมู่บ้านเชิงสะพาน จังหวัดราชบุรี ทั้งเพศชายและเพศหญิงที่มีอายุ 20–60 ปี จำนวน 70 คน วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ความสัมพันธ์ทางสถิติโดยใช้สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน และสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อีต้า

            ผลการวิจัยพบว่า ระดับพฤติกรรมการป้องกันโรคกระดูกและกล้ามเนื้อของเกษตรกรผู้เพาะเห็ดหูหนู ในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนหมู่บ้านเชิงสะพาน จังหวัดราชบุรี โดยรวมมีระดับพฤติกรรมการป้องกันอยู่ในระดับ ปานกลาง (x̅  2.96, S.D. = 0.710) และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันโรคกระดูกและกล้ามเนื้อ ได้แก่ รายได้เฉลี่ยต่อเดือน (r = 0.458, p-value = 0.001) อธิบายได้ว่าเกษตรกรผู้มีรายได้สูงอาจเข้าถึงแหล่งข้อมูลวิธีการป้องกันโรคกระดูกและกล้ามเนื้อ ทำให้สามารถปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันโรคกระดูกและกล้ามเนื้อได้ดีกว่าผู้ที่มีรายได้ต่ำ เนื่องจากมีกำลังทรัพย์เพียงพอในการซื้ออุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ช่วยลดความเมื่อยล้าจากการทำงาน และแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ ได้แก่ การรับรู้ประโยชน์ของการป้องกันโรคกระดูกและกล้ามเนื้อ (r = 0.249, p-value = 0.037) อธิบายได้ว่ากลุ่มตัวอย่างที่มีความเชื่อว่าการยืดเหยียดกล้ามเนื้อก่อนหรือในขณะที่ทำงาน และการปรับเปลี่ยนอิริยาบถ ในการทำงานให้มีความเหมาะสม จะก่อให้เกิดผลดีต่อตนเอง จึงมีพฤติกรรมการป้องกัน โรคกระดูกและกล้ามเนื้อ สอดคล้องกับแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ โดยผลการวิจัยนี้เป็นประโยชน์ให้กับหน่วยงานด้านสาธารณสุขในการส่งเสริมให้เกษตรกรผู้เพาะเห็ดหูหนูมีพฤติกรรมการป้องกันโรคกระดูกและกล้ามเนื้อมากยิ่งขึ้น