Predicting factors of dental service use behavior among working-age people in Maekhaning subdistrict, Wiangsa District, Nan Province

Authors

  • kannika kantakalang -
  • สมชาย จาดศรี

Keywords:

Dental services, Theory of Planned Behavior, Working aged people

Abstract

Cross-sectional research study This cross-sectional study was to study factors predicting the behavior of dental services among working-age people according to the Theory of Planned Behavior. Data were collected using questionnaires from a sample of 345 people drawn by random sampling from working-age people. Age 20-59 years and analyzed with logistic regression model (Logistic Regression).

The results of the study found that the sample group Most were female, 52.80% were between 40-49 years of age, 27.80% used universal health insurance (UC) patents, 82.90% had never received dental examination services, accounting for 31.01%. Which is lower than the prevalence of coming to receive dental services (68.99%). Those with moderate access were 2.51 times (p=0.033) and 3.58 times (p=0.001) more likely to not receive services than those with high access. and it was found that those who conformed to the reference group at a low level and moderate conformity to the reference group The chance of not receiving services was 6.22 times (p = 0.011) and 1.75 times (p = 0.075) higher than the group with a high degree of conformity to the reference group to receiving services.

References

นาตยานี เซียงหนู. สถานะสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพของบุคคลวัยทำงาน ในเขตสุขภาพที่ 9 นครชัยบุรินทร์. วารสารศูนย์อนามัยที่ 9. 11(26); กันยายน-ธันวาคม 2560.

วิชชุพร เกตุไหม. รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์เรื่องการศึกษาการดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพพนักงานในสถานประกอบกิจการ 3 แห่ง, วารสารการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม. 46(1); มกราคม - มีนาคม 2566, 2566

ศรัณยา ณัฐเศรษฐสกุล. ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกรับบริการทางทันตกรรมจากคณะทันตแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล. วารสาร Mahidol R2R e-Journal. 5 (1); 2561.

สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, รายงานผลการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปาก แห่งชาติครั้งที่ 8 ประเทศไทย พ.ศ. 2560, 2561.

รุ่งเพ็ชร บุญทศ. ความสัมพันธ์ระหว่างความรู้ ความสามารถตนเองกับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ตำบลบ้านปึก อำเภอเมืองจังหวัดชลบุรี. วารสารทันตาภิบาล 31(2); กรกฎาคม–ธันวาคม, 2563

สำนักงานสถิติแห่งชาติ. สำรวจอนามัยและสวัสดิการ ครั้งที่ 23, พ.ศ. 2566

สุพัตรา วัฒนเสน. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเข้ารับบริการทันตกรรมของวัยทำงานในสภาวการณ์แพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19): กรณีศึกษาเขตรับผิดชอบโรงพยาบาลนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ พ.ศ. 2556 และพ.ศ. 2558, วารสารทันตาภิบาล. 33 (2); กรกฎาคม-ธันวาคม, 2565.

รุ่งเพ็ชร บุญทศ.ความสัมพันธ์ระหว่างความรู้ ความสามารถตนเองกับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปาก ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ตำบลบ้านปึก อำเภอเมืองจังหวัดชลบุรี, วารสารทันตาภิบาล. 31(2); กรกฎาคม–ธันวาคม, 2563.

คลังข้อมูลสุขภาพ จังหวัดน่าน. ข้อมูลเพื่อตอบสนอง Service Plan สาขาสุขภาพช่องปาก, สืบค้นเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2566, จาก https://nan.hdc.moph.go.th/hdc.

Daniel, W.W. (2010). Biostatistics: Basic Concepts and Methodology for the Health Sciences, (9 thed.). New York: John Wiley & Sons.

ทรรศน์มน ทิมทอง. การประยุกต์ใช้ทฤษฎีพฤติกรรมตามแผนเพื่อศึกษาความตั้งใจซื้อที่อยู่อาศัยแบบยั่งยืน (Sustainable Housing) ของผู้บริโภคในประเทศไทย, พ.ศ.2565.

จรูญลักษณ์ ป้องเจริญ และยุคนธ์ เมืองช้าง. แรงจูงใจในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านจังหวัดสุพรรณบุรี. วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข, 29(1), 60-70, 2019.

นงค์นุช สุรัตนวดี และเกรียงศักดิ์ เวทีวุฒาจารย์. ความชุกและปัจจัยที่สัมพันธ์กับการเข้ารับการตรวจคัดกรองเอชไอวีที่คลินิกให้การปรึกษา และตรวจเลือดด้วยความสมัครใจของกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 7 ขอนแก่น. วารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 ขอนแก่น. 27(3); กันยายน – ธันวาคม, 2563.

นิลุบล ดีพลกรัง. ปัจจัยที่มีผลต่อการเข้าถึงบริการทันตกรรมภาครัฐของผู้สูงอายุในเขตอำเภอแวงใหญ่ จังหวัดขอนแก่น. วารสารสำนักงานสาธารณสุข จังหวัดขอนแก่น 3 (1); มกราคม –มิถุนายน, 2564.

Ong-Artborirak P, Seangpraw K. Association between self-care behaviors and quality of life among elderly minority groups on the border of thailand. JMDH. 2019;12:1049-1059. doi: 10.2147/JMDH.S227617.

Downloads

Published

2024-11-25