ปัจจัยทำนายความพร้อมในการจำหน่ายจากโรงพยาบาล ของผู้ป่วยสูงอายุโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน

ผู้แต่ง

  • สุวารี นิระโส นักศึกษาปริญญาโท คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  • ศิริรัตน์ ปานอุทัย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  • ณัฐธยาน์ สุวรรณคฤหาสน์ อาจารย์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

คำสำคัญ:

ผู้สูงอายุโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน, ความพร้อมในการจำหน่ายจากโรงพยาบาล ประสบการณ์การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล, คุณภาพการสอนก่อนจำหน่าย, การประสานการดูแลก่อนจำหน่าย

บทคัดย่อ

การเตรียมความพร้อมในการจำหน่ายผู้ป่วยสูงอายุโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันเป็นสิ่งสำคัญต่อความปลอดภัยของผู้ป่วย การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยทำนายความพร้อมในการจำหน่ายจากโรงพยาบาล ได้แก่ เพศ ลักษณะการอยู่อาศัย ประสบการณ์การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล คุณภาพการสอนก่อนจำหน่ายโดยรวม ด้านเนื้อหาการสอน และด้านทักษะการสอนและการประสานการดูแลก่อนจำหน่าย กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้สูงอายุโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน อายุระหว่าง 60-80 ปี จำนวน 100 ราย ที่เข้ามารับการรักษาในแผนกผู้ป่วยในของโรงพยาบาลพังงา โรงพยาบาล        สุราษฎร์ธานี โรงพยาบาลตรัง และโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช และแพทย์มีแผนการจำหน่ายสู่บ้าน รวบรวมข้อมูลด้วยการใช้ แบบสอบถามการรับรู้ความพร้อมในการจำหน่ายจากโรงพยาบาล แบบสอบถามคุณภาพการสอนก่อนจำหน่ายและแบบสอบถามการประสานการดูแลก่อนจำหน่าย วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ฟี สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์พอยท์ไบซีเรียล สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และการถดถอยพหุคูณแบบปกติ

ผลการวิจัยพบว่า การรับรู้ความพร้อมในการจำหน่ายผู้ป่วยสูงอายุที่เป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากโรงพยาบาล (=181.55,SD=13.62) และคุณภาพการสอนก่อนจำหน่าย (=151.05, SD=11.44)อยู่ในระดับสูง การประสานการดูแลก่อนจำหน่ายอยู่ในระดับดี (=111.83,SD=6.23) คุณภาพการสอนก่อนจำหน่ายด้านทักษะการสอนเป็นตัวทำนายที่มีความสัมพันธ์กับความพร้อมในการจำหน่ายจากโรงพยาบาลโดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์พหุคูณเป็น .586 และปัจจัยทำนายทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วย เพศ ลักษณะการอยู่อาศัย ประสบการณ์การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล คุณภาพการสอนก่อนจำหน่ายและการประสานการดูแลก่อนจำหน่าย สามารถทำนายความพร้อมในการจำหน่ายจากโรงพยาบาลได้ร้อยละ 34.3

ผลของการวิจัยครั้งนี้เป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับพยาบาล และบุคลากรด้านสุขภาพในการเตรียมความพร้อมแก่ผู้ป่วยสูงอายุที่เป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันในการดูแลตนเองที่บ้านโดยการปรับปรุงทักษะการสอนก่อนจำหน่ายและการประสานการดูแลก่อนจำหน่าย

คำสำคัญ: ผู้สูงอายุโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ความพร้อมในการจำหน่ายจากโรงพยาบาล ประสบการณ์การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล คุณภาพการสอนก่อนจำหน่าย การประสานการดูแลก่อนจำหน่าย

เอกสารอ้างอิง

จุฑาภรณ์ เพิ่มพูล, วันเพ็ญ ภิญโญภาสกุล, อุษาวดี อัศดรวิเศษ, และพันธุ์ศักดิ์ ลักษณบุญส่ง. (2011). ประสิทธิผลของโปรแกรมการวางแผนจำหน่ายมีโครงสร้างในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจเฉียบพลันต่อความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน ความพึงพอใจ และการกลับมารักษาซ้ำ. Journal of Nursing Science, 29(2), 120 – 128.
ณัฐวรรณ สุวรรณ และศิริรัตน์ ปานอุทัย. (2557). แบบสอบถามการประสานการดูแลก่อนจำหน่าย เครื่องมือการประสานการดูแลที่พัฒนาโดย เฮดจิสตาโวโพลอส และคณะ (Hadjistavropoulos, Biem, Sharpe, Bourgault-Fagnou & Janzen, 2008) ฉบับภาษาไทย เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ศรินรัตน์ ศรีประสงค์. (2551).การทดสอบเชิงประจักษ์รูปแบบจำลองการทำหน้าที่ในกิจวัตรประจำวันในผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันภายหลังออกจากโรงพยาบาล. (วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาล). บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล.
ศรินรัตน์ ศรีประสงค์, สมจิต หนุเจริญกุล, อรสา พันธุ์ภักดี, รุ่งโรจน์ กฤตยพงษ์,คนึงนิจ พงศ์ถาวรกมล, และธวัชชัย วรพงศธร. (2554). ปัจจัยส่วนบุคคลที่มีผลต่อการรับรู้ความพร้อมก่อนออกจากโรงพยาบาลของผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน. วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก, 22(2), 44 –57.
ศิริรัตน์ ปานอุทัย. (2557). แบบประเมินคุณภาพการสอนก่อนจำหน่ายฉบับผู้ใหญ่ที่พัฒนาโดยไวส์ และเพียเซ็นไทย์ (Weiss & Piacentine, 2006) ฉบับภาษาไทย. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
สถาบันเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ . (2544).คณะกรรมการจัดทำแบบทดสอบสภาพสมองเบื้องต้น ฉบับภาษาไทย พ.ศ. 2542. แบบทดสอบสภาพสมองเบื้องต้น ฉบับภาษาไทย MMSE-Thai 2002. กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข.
แสงเดือน กันทะขู้, ดวงรัตน์ วัฒนกิจไกรเลิศ, คนึงนิจ พงศ์ถาวรกมล, และฉัตรกนก ทุมวิภาต. (2552). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความพร้อมก่อนจำหน่ายออกจากโรงพยาบาลในผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน. Journal of Nursing Science, 21(2),83–91.
อรรถเกียรติ กาญจนพิบูลวงศ์, และคำนวณ อึ้งชูศักย์.(2557).รายงานการเฝ้าระวังโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ปีพ.ศ. 2557.รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์ 2557, 44(10), 145-152.สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข.
Hadjistavropoulos, H., Biem, H., Sharpe, D., Bourgault-Fagnou, M., & Janzen, J. (2008). Patient perceptions of hospital discharge: reliability and validity of a patient continuity of care questionnaire. International Journal for Quality in Health Care, 20(5), 314-323.doi: 10.1093/intqhc/mzn030.
Meleis, A. I., Sawyer, L. M., Im, E. O., HilfingerMessias, D. K., & Schumacher, K. (2000). Experiencing transitions: an emerging middle-range theory. Advanced Nursing Science, 23(1), 12-28.
Mozaffarian, D., Benjamin, E. J., Go, A. S., Arnett, D. K., Blaha, M. J., Cushman, M., & Huffman, M. D. (2015). American heart association statistics committee and stroke statistics subcommittee.Heart disease and stroke statistics–2015 update: A report from the American Heart Association. Circulation, 131(4), e29-e322.
Smith, J., & Liles, C. (2007). Information needs before hospital discharge of myocardial infarction patients: a comparative, descriptive study. Journal of Clinical Nursing, 16(4), 662-671. doi: 10.1111/j.1365-2702.2006.01689.
Thorndike, R. M. (1978). Correlational procedure for research. New York: Gardner Press.
Weiss, M. E., & Piacentine, L. B. (2006).Psychometric properties of the readiness for hospital discharge scale.Journal of Nursing Measurement, 14(3), 163-180.
Weiss, M. E., Piacentine, L. B., Lokken, L., Ancona, J., Archer, J., Gresser, S., Vega-Stromberg, T. (2007). Perceived readiness for hospital discharge in adult medical-surgical patients. Clinical Nurse Specialist, 21(1), 31-42.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2017-12-31

รูปแบบการอ้างอิง

นิระโส ส., ปานอุทัย ศ., & สุวรรณคฤหาสน์ ณ. (2017). ปัจจัยทำนายความพร้อมในการจำหน่ายจากโรงพยาบาล ของผู้ป่วยสูงอายุโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน. พยาบาลสาร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 44(4), 61–70. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/cmunursing/article/view/135603

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย