ความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้กระบวนการดูแลในระยะคลอดกับผลลัพธ์ด้านการรับรู้ประสบการณ์การคลอดและความพึงพอใจต่อการบริการของผู้คลอด
คำสำคัญ:
การรับรู้กระบวนการดูแลในระยะคลอด, การรับรู้ประสบการณ์การคลอด, ความพึงพอใจต่อการบริการบทคัดย่อ
การดูแลของพยาบาลในห้องคลอดมีความสำคัญมากเพราะมีผลต่อผลลัพธ์การคลอดทั้งด้านร่างกายและจิตใจของผู้คลอด หากการคลอดมีความปลอดภัยและผ่านไปได้ด้วยดีจะทำให้เกิดความพึงพอใจต่อการบริการที่ได้รับ การวิจัยเชิงพรรณนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาโครงสร้าง กระบวนการ และผลลัพธ์ของการดูแลในระยะคลอด และ ความสัมพันธ์ของการรับรู้กระบวนการดูแลในระยะคลอดกับผลลัพธ์ของการดูแล กลุ่มตัวอย่างเลือกแบบเฉพาะเจาะจง เป็นผู้คลอดที่ได้รับการบริการดูแลในระยะคลอดของแผนกห้องคลอดโรงพยาบาลปทุมธานี ระหว่างเดือนธันวาคม 2558 – สิงหาคม 2559 จำนวน 359 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล คือ 1) แบบบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล 2) แบบประเมินการรับรู้กระบวนการดูแลในระยะคลอดที่พัฒนาโดยผู้วิจัย 3) แบบประเมินการรับรู้ประสบการณ์การคลอดที่ผู้วิจัยดัดแปลงมาจากแบบประเมินที่พัฒนาโดย มาณี จันทร์โสภาและคณะ (2555) และ 4) แบบประเมินความพึงพอใจต่อการบริการแบบขั้นบันได โดยแบบประเมินการรับรู้กระบวนการดูแลในระยะคลอด และแบบประเมินการรับรู้ประสบการณ์การคลอดผ่านการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหา มีค่าดัชนีความตรงเชิงเนื้อหาเท่ากับ 1.00 และผ่านการตรวจสอบค่าความเชื่อมั่นได้ค่าสัมประสิทธิ์อัลฟ่าของครอนบาค เท่ากับ 0.86 และ 0.81 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และสถิติสหสัมพันธ์แบบสเปียร์แมน
ผลการวิจัย โครงสร้างด้านพยาบาล พบว่า อายุเฉลี่ย 38.43 ปี ประสบการณ์การทำงานเฉลี่ย 15.14 ปี ส่วนใหญ่ร้อยละ 85.7 มีการศึกษาระดับปริญญาตรี ร้อยละ 78.6 ไม่มีโรคประจำตัว ด้านผู้ใช้บริการ พบว่า อายุเฉลี่ย 25.70 ปี ส่วนใหญ่ร้อยละ 64.3 อายุ 20-34 ปี ร้อยละ 61.6 ระดับการศึกษาชั้นมัธยมศึกษา ร้อยละ
50.7 อาชีพรับจ้าง ร้อยละ 67.4 เคยมีประสบการณ์คลอดบุตร และร้อยละ 57.9 ไม่ได้รับความรู้การเตรียมคลอด ด้านกระบวนการดูแล พบว่า ผู้คลอดมีการรับรู้กระบวนการดูแลในระยะคลอดโดยเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง ( =56.56, SD=15.42) ด้านผลลัพธ์การดูแล พบว่า ผู้คลอดมีการรับรู้ประสบการณ์การคลอดโดยเฉลี่ยเป็นทางบวก ( =75.35, SD=10.42) และมีความพึงพอใจต่อการบริการในทางบวกอยู่ในระดับปานกลาง ( =6.86, SD=2.10) การรับรู้กระบวนการดูแลในระยะคลอดมีความสัมพันธ์ทางบวกระดับปานกลางกับการรับรู้ประสบการณ์การคลอด (rs = .44) และความพึงพอใจต่อการบริการ (rs = .58) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ p < .001
จากผลการวิจัย ควรมีการพัฒนากระบวนการดูแลในแต่ละระยะของการคลอดเพื่อส่งเสริมการรับรู้ประสบการณ์การคลอดทางบวกและความพึงพอใจต่อการบริการ โดยเฉพาะการส่งเสริมสายสัมพันธ์มารดาและทารกโดยเร็วหลังคลอด การให้ข้อมูลเกี่ยวกับทารกและแนวทางการดูแล และการจัดการความปวดที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มคุณภาพการพยาบาลในระยะคลอดต่อไป
เอกสารอ้างอิง
มาณี จันทร์โสภา, ฉวี เบาทรวง และสุกัญญา ปริสัญญกุล. (2555). ผลของการสนับสนุนทางสังคมต่อความเจ็บปวดในการคลอดและการรับรู้ประสบการณ์การคลอดของผู้คลอดวัยรุ่นครรภ์แรก. พยาบาลสาร, 39(4), 71-84.
สภาการพยาบาล. (2548). มาตรฐานบริการการพยาบาลและการผดุงครรภ์ระดับทุติยภูมิและระดับตติยภูมิ. ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 122 ตอนที่ 94 ง. หน้า 42.
สมจิต หนุเจริญกุล, นุชนาฏ แจ้งสว่าง และสุภามาศ ผาติประจักษ์. (2553). ผลลัพธ์และการประเมินผลลัพธ์ของผู้ปฏิบัติการพยาบาลขั้นสูง. ใน สมจิต หนุเจริญกุลและอรสา พันธ์ภักดี (บรรณาธิการ), การปฏิบัติการพยาบาลขั้นสูง: บูรณาการสู่การปฏิบัติ (หน้า 87-113) กรุงเทพมหานคร: จุดทองจำกัด.
สุกัญญา ปริสัญญกุล, ฉวี เบาทรวง และปิยะภรณ์ ประสิทธ์วัฒนาเสรี. (2556). ปัจจัยทำนายการรับรู้ประสบการณ์การคลอดทางบวกของสตรี. พยาบาลสาร, 40, 84-93.
Ahmadi, Z. (2013). Positive experiences of childbirth: A phenomenological study. Researcher, 5(12), 30-41.
Bowser, D. & Hill, K. (2010). Exploring evidence for disrespect and abuse in facility-based childbirth report of a landscape analysis. USAID-TRAction Project Harvard School of Public Health University Research Co., LLC.
Bryanton, J., Gagnon, A.J., Johnston, C., & Hatem, M. (2008). Predictors of women’s perceptions of the childbirth experience. Journal of Obstetric, Gynecologic, and Neonatal Nursing, 37, 24-34.
Demas, T., Getinet, T., Bekele, D., Gishu, T., Birara, M.,& Abeje, Y. (2017). Women's satisfaction with intrapartum care in St Paul's Hospital Millennium Medical College Addis Ababa Ethiopia: A cross sectional study. BMC Pregnancy and Childbirth, 17 (1): 253
Iliadou, M. (2012). Supporting women in labour. Health Science Journal, 6(3), 385-391.
Irvine, D., Sidani, S., & McGillis-Hall, L. (1998). Linking outcome to nurses’s role in health care. Nursing Economic, 16, 58-64.
Jafari, E, Mohebbi, P., & Mazloomzadeh, S. (2017). Factors related to women's childbirth satisfaction in physiologic and routine childbirth groups. Iranian Journal of Nursing and Midwifery Research, 22(3), 219–224.
Jolivet, R. (2011). Respectful maternity care: The universal rights of childbearing women (Full charter). Health Policy Project. http://www.healthpolicyproject.com/index.cfm?ID=publications&get=pubID&pubID=46
Michels, A., Kruske, S., & Thompson, R. (2013). Women’s postnatal psychological functioning: The role of satisfaction with intrapartum care and the birth experience. Journal of Reproductive and Infant Psychology, 31(2), 172-182.
Mohammad, K., Shaban, I., Homer, C. & Creedy, D. (2014). Women’s satisfaction with hospital-based intrapartum care : A Jordanian study. International Journal of Nursing and Midwifery, 6(3), 32-39.
Nikula, P., Laukkala, H., & Polkki, T. (2015). Mothers’ perceptions of labor support. MCN. The American Journal Maternal Child Nursing, 40(6), 373-380.
Sawyer, A., Ayers, S., Abbott, J., Gyte, G., Rabe, H., & Duley, L. (2013). Measures of satisfaction with care during labour and birth: A comparative review. Biomedical Central Pregnancy and Childbirth, 13, 108-118.
Translated Thai References
Siripukdeekan, C., Boonrubpayap, B. (2014). Nursing Career Ladder Development. Journal of The
Royal Thai Army Nurses, 15(3), 75-80. (In Thai)
Junsopa, M., Baosoung, C., Parisunyakul, S. (2012). Effects of Social Support on Labor Pain
and Perception of Childbirth Experience among Primiparous Adolescent Parturients.
Nursing Journal, 39(4), 71-84. (In Thai)
Parisunyakul, S., Baosoung, C., Prasitwatanasaree, P. (2013) Predictors of Women’s Perceptions of
the Positive Childbirth Experience. Nursing Journal, 40, 84-93. (In Thai)
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารพยาบาลสาร
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว