การรับรู้เกี่ยวกับความเจ็บป่วยของผู้ดูแลเด็กป่วยเฉียบพลันและปัจจัยที่เกี่ยวข้อง

ผู้แต่ง

  • สุธิศา ล่ามช้าง รองศาสตราจารย์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  • ฐิติมา สุขเลิศตระกูล ผู้ช่วยศาสตราจารย์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  • อรพินท์ จันทร์ปัญญาสกุล พยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่
  • ปรีชา ล่ามช้าง รองศาสตราจารย์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

คำสำคัญ:

การรับรู้เกี่ยวกับความเจ็บป่วย, ผู้ดูแล, เด็ก, การป่วยเฉียบพลัน

บทคัดย่อ

การป่วยเฉียบพลันในเด็กเป็นประสบการณ์ที่เครียดสำหรับผู้ดูแล การวิจัยเชิงพรรณนามีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านเด็กคือ อายุ โรค การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และปัจจัยด้านผู้ดูแลคือ ประสบการณ์การดูแลเด็กป่วย การได้รับการสนับสนุนจากพยาบาล กับการรับรู้เกี่ยวกับความเจ็บป่วยของผู้ดูแลเด็กป่วยเฉียบพลัน กลุ่มตัวอย่างเลือกแบบเฉพาะเจาะจงเป็นผู้ดูแลเด็กป่วยเฉียบพลันอายุ 1 เดือน ถึง 5  ปี ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ระหว่างเดือนมกราคมถึงเมษายน พ.ศ. 2560  จำนวน 85 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบสอบถามการรับรู้ความเจ็บป่วยในเด็กของผู้ดูแลของ เนลสัน และคณะ (Nelson et al., 2016)
แปลเป็นภาษาไทยโดยผู้วิจัย และแบบประเมินการสนับสนุนจากพยาบาลของบิดามารดา (The Nurse Parent Support Tool) พัฒนาโดยมายด์ คาร์ลสัน และเบรนเซน (Miles, Carlson, & Brunssen, 1999) แปลเป็นภาษาไทยโดย กาญจนา กันทาหงษ์ ศรีมนา นิยมค้า และสุธิศา ล่ามช้าง (2558) ค่าความเชื่อมั่นของเครื่องมือ เท่ากับ .93 และ .97 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยสถิติพรรณนา สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน และสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบสเปียร์แมน

ผลการศึกษาพบว่า

  1. การรับรู้ความเจ็บป่วยในเด็กของผู้ดูแลโดยรวมพบว่ามีการคุกคามอยู่ในระดับปานกลาง
    ( = 3.65 D. = 0.53). การรับรู้ความเจ็บป่วยในเด็กของผู้ดูแลในรายด้านคือ ด้านเอกลักษณ์ ผลที่ตามมาต่อเด็ก การควบคุมด้านเด็ก และการแสดงออกด้านอารมณ์ อยู่ในระดับมาก (= 4.07
    S.D. = 0.69, = 3.76 S.D. = 0.81, = 4.15 S.D. = 0.59, and = 4.05 S.D. = 0.67 ตามลำดับ) และด้านผลที่ตามมาต่อผู้ดูแล การควบคุมด้านผู้ดูแล ช่วงระยะเวลา และความเชื่อมโยงกับความเจ็บป่วย อยู่ในระดับปานกลาง (= 3.49 S.D. = 0.84, = 3.47 S.D. = 0.74, = 2.89 S.D. = 0.84,
    = 3.39 S.D. = 0.76 ตามลำดับ)
  2. อายุของเด็กมีความสัมพันธ์ทางบวกระดับต่ำกับการรับรู้ความเจ็บป่วยของผู้ดูแลในด้านผลที่ตามมาต่อเด็กอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r =.22, p< .05) ความถี่ของการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมีความสัมพันธ์ทางบวกระดับต่ำกับการควบคุมด้านเด็กอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r =.22, p< .05) และโรคของเด็กมีความสัมพันธ์ทางลบระดับต่ำกับการรับรู้ความเจ็บป่วยของผู้ดูแลในด้านความเชื่อมโยงกับความเจ็บป่วยอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r= - .23, p < .05 )

            ผลการศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าผู้ดูแลเด็กป่วยเฉียบพลันมีการรับรู้ความเจ็บป่วยในเด็กว่าคุกคามตั้งแต่ระดับปานกลางถึงมาก ปัจจัยด้านเด็กคือ อายุ การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และโรคมีความสัมพันธ์กับการรับรู้ความเจ็บป่วย ดังนั้นการส่งเสริมให้ผู้ดูแลมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ดูแลมีการรับรู้ความเจ็บป่วยอย่างเหมาะสม

เอกสารอ้างอิง

กาญจนา กันทาหงษ์, ศรีมนา นิยมค้า และสุธิศา ล่ามช้าง. (2558). เด็กป่วยเฉียบพลันที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล. พยาบาลสาร,42(3), 1-12.
นิชรา เรืองดารกานนท์. (2554). ปัจจัยที่กระทบต่อพัฒนาการของเด็ก.ใน ทิพวรรณ หรรษคุณาชัย,
รวิวรรณ รุ่งไพวัลย์, ชาคริยา ธีรเนตร, อดิศร์สุดา เฟื่องฟู, สุรีลักษณ์ สุจริตพงศ์, และ
พงษ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์ (บรรณาธิการ), ตำราพัฒนาการและพฤติกรรมเด็กทั่วไปสำหรับเวช
ปฏิบัติทั่วไป (หน้า26-43). กรุงเทพฯ: บียอนด์ เอ็นเทอร์ไพรซ์..
นิตยา คชภักดี. (2554). พัฒนาการเด็ก. ใน ทิพวรรณ หรรษคุณาชัย, รวิวรรณ รุ่งไพวัลย์, ชาคริยา
ธีรเนตร, อดิศร์สุดา เฟื่องฟู, สุรีลักษณ์ สุจริตพงศ์, และพงษ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์
(บรรณาธิการ), ตำราพัฒนาการและพฤติกรรมเด็กทั่วไปสำหรับเวชปฏิบัติทั่วไป
(หน้า 205 - 218). กรุงเทพฯ: บียอนด์ เอ็นเทอร์ไพรซ์.
สมจิตต์ วงศ์สุวรรณสิริ. (2551). มาตรฐานการบริการพยาบาลผู้ป่วยใน. ใน สำนักการพยาบาลลกรมการแพทย์. (บรรณาธิการ), มาตรฐานการพยาบาลในโรงพยาบาล (หน้า 157- 187). นนทบุรี: องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก.
สุธิศา ล่ามช้าง, ศรีมนา นิยมค้า, อรพินท์ จันทร์ปัญญาสกุล, ปรีชา ล่ามช้าง และรัตนาวดี ชอนตะวัน. (2558). ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการรับรู้ความรุนแรงของการเจ็บป่วยของผู้ดูแลเด็กที่ติดเชื้อทางเดินหายใจ. พยาบาลสาร, 42(3), 13 - 23.
Carlson, G. (2008). What's the difference between a chronic illness and an acute illness.
Retrieved from http://missourifamilies.org/quick/healthqa/healthqa15.htm.
Commodari, E. (2010). Children stay in hospital: A research on psychological stress of caregivers. Italian Journal of Pediatric, 36(40). Retrieved from https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/20500854.
Gray, J.R., Grove, S.K., Sutherland, S. (2017). Burns and Grove’s the practice of nursing research: Appraisal, synthesis, and generation of evidence. (8th ed.). St.Louis: Elsevier.
Hansen, B. W L. (1994). Acute illnesses in children. A description and analysis of parents’ perception of illness threat. Scandinavian Journal of Primary Health Care, 12(1), 15-19, DOI: 10.3109/02813439408997051.
Hockenberry, M.J., & Wilson, D. (2009). Wong’s essentials of pediatric nursing (8th ed.). St.Louis: Mosby Elsevier.
House, J. S. (1981). Work stress and social support. California: Addison-Wesley.
Mccarthy, P.L. (2007). The acutely ill child. In R. M. Kliegman, H. B. Jenson, R. E. Behrman, &
B. F. Stanton (Eds.), Nelson Texthbook of Pediatrics. (18th ed., pp 363-366). United States of America: Saunders.
Miles, M.S., Carlson, J., & Brunssen, S. (1999). The nurse parent support tool. Journal of Pediatric Nursing, 14(1), 44-50.
Nelson, S., Slusar, M. B., Albert, J.M., Liu, Y., & Riedy, C.A. (2016). Psychometric properties of a caregiver illness perception measure for caries in children under 6 years old. Journal of Psychosomatric Research, 81, 46-53.
Nicolaas, S.M., Schepers, S.A., Bergh, E.M.M., Evers, A.W.M., Hoogerbrugge., & Grootenhuis, C.M.V. (2016). Illness cognitions and family adjustment: Psychometric properties of the illness cognition questionnaire for parents of a child with cancer. Support Care Cancer, 24, 529-537. DOI 10.1007/s00520-015-2795-5.
Polit, D. F. (2010). Statistics and data analysis for nursing research (2nded). Pearson Education Inc: New Jersey.
Roberts, C. A. (2010). Unaccompanied hospitalized children: A review of the literature and Incidence study. Journal of Pediatric Nursing, 25, 270-476.
Sartain, S.A., Maxwell, M.J., Todd, P.J., Haycox, A.R., & Bundred, P.E. (2001). Users’ views on hospital and home care for acute illness in childhood. Health and Social Care in the Community, 9(2), 108–117.
Singh, R. (2011). Psychological model of illness. British: Cambridge Scholars.
Smith, S. (2011). Infectious disease. In K. J. Marcdante., R. M. Kliegman., H. B. Jenson. & R. E.
Berhrman (Eds.), Nelson Texthbook of Pediatrics. (19th.ed., pp 355-436). United States of America: Saunders.
Spurrier, N.J., Sawyer, M.G., Staugas, R., Martin, A.J., Kennedy, D., & Streiner, D.L. (2000). Association between parental perception of children’s vulnerability to illness and management of children’s asthma. Pediatric Pulmonology. 29, 88-93.
World Health Organization. (2015). World health statistics 2015: Part I health-related millennium development goals. Retrieved from http://www.who.int/gho/publications/world_health_statistics/EN_WHS2015.


Translated Thai References
Ruangdaraganon, nichara. (2011). Factors affecting the development of children cited in Hansakunachai, Tippawan.,Roongpraiwan, Rawiwan., Theeranate, Chakriya., Adisara Sudpumphu, Suriyal Sucharitpong, and Pongsak Noiepayak (Eds.), Development and General Child Behavior for Medicine. pp .26-43. Bangkok: Beyond Enterprise .
Kantathong, Kanchana., Niyomkar, Srimana., & Lamchang, Suthisa. (2015). Factors Predicting Parent Participation in Caring for Hospitalized Children with Acute Illness. Nursing Journal. 42,1-12.
Lamchang, Suthisa., Niyomkar, Srimana., Junpunyaskool, Orapin., Lamchang, Preecha., & Chontawan Ratanawadee. (2015). Factors Related to Perceived Severity of Liiness among Caregivers of Children with Respiratory Infection. Nursing Journal. 42,13-23.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2018-03-31

รูปแบบการอ้างอิง

ล่ามช้าง ส., สุขเลิศตระกูล ฐ., จันทร์ปัญญาสกุล อ., & ล่ามช้าง ป. (2018). การรับรู้เกี่ยวกับความเจ็บป่วยของผู้ดูแลเด็กป่วยเฉียบพลันและปัจจัยที่เกี่ยวข้อง. พยาบาลสาร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 45(1), 75–86. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/cmunursing/article/view/136161

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย