สถานภาพการวิจัยด้านการพยาบาลมารดาทารกและการผดุงครรภ์ ในเขตภาคเหนือ

Abstract

บทคัดย่อ
มารดาและทารกเป็นประชากรเป้าหมายหลักกลุ่มหนึ่งที่มีความสำคัญ ต่อการพัฒนาประเทศ ซงื่ มีความหลากหลายในงานวิจัย แต่ยังไม่มีการรวบรวมและระบุประเด็นของงานวิจัย การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานภาพการวิจัยด้านการพยาบาลมารดา ทารกและการผดุงครรภ์ในเขตภาคเหนือ กลุ่มที่ศึกษาเป็นงานวิจัยที่เกี่ยวกับสตรีและครอบครัวในระยะของการมีบุตร รวมถึงทารกแรกเกิด ตัง้ แต่ปี พ.ศ. 2520 จนถึง พ.ศ.2555 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แบบบันทึก ข้อมูล เกี่ยวกับ สถานที่ทำวิจัย หัวข้อของการวิจัย กลุ่มที่ศึกษา ช่วงปีของการทำวิจัย แบบของการวิจัยสถติ ที่ใช้ในการวิจัยและสถานะของนักวิจัย เก็บรวบรวมข้อมลูโดยกำหนดคำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มที่ศึกษา การจัดกระทำและตัวแปรผลลัพธ์ จากนั้นกำหนดแหล่งสืบค้นทั้งจากคอมพิวเตอร์และสืบค้นด้วยมือ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา
ผลการวิจัย พบว่า
มีรายงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการพยาบาลมารดา ทารก และการผดงุ ครรภ์จำนวน 171 เรื่อง สถานที่มีการทำวิจัยมากที่สุด คือ จังหวัดเชียงใหม่ (ร้อยละ 35.67) เป็นงานวิจัยเกี่ยวกับสตรีในระยะหลังคลอดมากที่สุด(ร้อยละ 36.26) โดยเฉพาะหัวข้อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ (ร้อยละ 14.62) ศึกษาในกลุ่มตัวอย่างที่มีขนาดน้อยกว่า 100 รายมีปริมาณมากที่สุด (ร้อยละ 46.78) ปีที่มีการทำวิจัยมากที่สุดอยู่ระหว่าง ปี พศ. 2551 ถึง พ.ศ.2555 (ร้อยละ 42.70) รูปแบบของการวิจัยที่มีนักวิจัยทำมากที่สุดคือ การวิจัยเชิงพรรณนา (ร้อยละ42.11)สถิติที่ผู้วิจัยใช้ในการทำวิจัยมากที่สุดคือ independent t-test (ร้อยละ 39.76) และนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา มีการทำวิจัยมากที่สุด (ร้อยละ 35.67)การวิจัยนี้สามารถใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับอาจารย์พยาบาล พยาบาลผดุงครรภ์ นักศึกษาระดับบณั ฑิตและผ้ปู ฏิบัติการพยาบาลขั้นสูง สำหรับการวางแผนการทำวิจัยในอนาคตที่เกี่ยวข้องกับการพยาบาลมารดา ทารกและการผดุงครรภ์
คำสำคัญ: สถานะการวิจัย การพยาบาลมารดา ทารกและการผดุงครรภ์ เขตภาคเหนือ

Abstract
Maternal and newborn are the main concern population that important for developing thecountries. There is variety of research issues. None collecting and identifying the research issuewas done. This research aimed to study the research status of maternal newborn nursing andmidwifery in the Northern region. Subjects were researches related with women and family inchildbearing cycle, including the newborn, during 1977 to 2012. Research tools consisted ofa recording form, including place of research, research topic, study subject, year of researchperforming, research design, research statistic and status of researcher. Data was collectingby defining keyword related with subject, intervention, and outcome variables. Data searchingcomposed of using computer and hand searching. Data were analyzed by using descriptivestatistics.
The results of study
There was 171 studies which related with maternal newborn nursing and midwifery. Mostresearches had done in Chiang Mai province (35.67%). Most researches did in postpartumwomen (36.26%) especially breastfeeding issue (14.62%). Most of the study subjects were lessthan 100 (46.78%). Most researches had done during 2008-2012 (42.70%).Most researchesdesign was descriptive researches (42.11%). Independent t-test was the most statistic usedin researches (39.76%). Most researchers had done by master students (35.67%).This study can use as a basic information for nurse instructor, nurse-midwife, masterstudents and advanced practice nurse (APN) for planning future research in maternal newbornnursing and midwifery.
Key word: Research Status, Maternal Newborn Nursing and Midwifery, Northern Region