ความโศกเศร้าเรื้อรังและกลยุทธการจัดการของมารดาทารกเกิดก่อนกำหนด ที่มีพยาธิสภาพที่จอประสาทตา
คำสำคัญ:
กลยุทธการจัดการ, ความโศกเศร้าเรื้อรัง, ทารกเกิดก่อนกำหนด, พยาธิสภาพที่จอประสาทตาบทคัดย่อ
การดูแลทารกเกิดก่อนกำหนดที่มีพยาธิสภาพที่จอประสาทตา มีระยะเวลาในการรักษาเป็นเวลานาน อาจทำให้มารดาเกิดความโศกเศร้าเรื้อรังได้ การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาระดับของความโศกเศร้าเรื้อรังและกลยุทธการจัดการความโศกเศร้าเรื้อรังของมารดาทารกเกิดก่อนกำหนดที่มีพยาธิสภาพที่จอประสาทตา กลุ่มตัวอย่าง เป็นมารดาที่ดูแลทารกเกิดก่อนกำหนดที่มีพยาธิสภาพที่จอประสาทตา หลังจำหน่ายจากโรงพยาบาลอย่างน้อย 2 เดือน จำนวน 60 ราย เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วย แบบบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล แบบสอบถามความโศกเศร้าเรื้อรัง และแบบสอบถามการจัดการความโศกเศร้าเรื้อรัง วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา
ผลการศึกษาพบว่า มารดาทารกเกิดก่อนกำหนดที่มีพยาธิสภาพที่จอประสาทตามีความโศกเศร้าเรื้อรังอยู่ในระดับปานกลาง และมีกลยุทธการจัดการความโศกเศร้าเรื้อรังอยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งกลยุทธการจัดการความโศกเศร้าเรื้อรังของมารดาทารกเกิดก่อนกำหนดที่มีพยาธิสภาพที่จอประสาทตา มีดังนี้
- วิธีการจัดการภายในตนเอง คือ มารดาบอกกับตนเองว่าฉันสามารถทำได้หรือผ่านพ้นไปได้ การใช้วิธีการพูดคุยกับแพทย์หรือพยาบาล และการใช้วิธีการพูดคุยกับคนใกล้ชิด
- วิธีการจัดการจากภายนอก คือการช่วยเหลือจากบุคลากรทีมสุขภาพ และการช่วยเหลือจากบุคคลในครอบครัวและเพื่อน
2.1 การช่วยเหลือจากบุคลากรทีมสุขภาพ กลุ่มตัวอย่างเลือกตอบคือ บุคลากรทีมสุขภาพตอบคำถามตามความเป็นจริง ให้เวลากับมารดา และให้การดูแลทารกเป็นอย่างดี
2.2การช่วยเหลือจากบุคคลในครอบครัวและเพื่อน กลุ่มตัวอย่างเลือกตอบคือ มารดาได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ได้รับการปลอบประโลมและให้กำลังใจ และรับฟังในสิ่งที่มารดาพูด
ผลการศึกษาครั้งนี้ สามารถนำไปใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับบุคลากรทีมสุขภาพในการสร้าง แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการให้ข้อมูลกับมารดา และบุคคลใกล้ชิดของมารดาทารกเกิดก่อนกำหนดที่มีพยาธิสภาพที่จอประสาทตา เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีในการดูแลมารดาทารกเกิดก่อนกำหนดที่มีพยาธิสภาพที่จอประสาทตา
เอกสารอ้างอิง
Chontawan, R., Mesukko, J., Urtharmnuay, M., & Sirakamol, D.(2001). Retinopathy of Prematurity: The Moth’s Experience. Chiang Mai: Faculty of Nursing Chiang Mai University. (In Thai)
Cole, C., Fielder, A., & Schulenburg, E. (2005). Management of retinopathy of prematurity.
Current Pediatrics, 15, 99-105.
Eakes, G. G., Burke, M. L., & Hainsworth, M. A. (1998(. Middle range theory of chronic sorrow. Image: Journal of Nursing Scholarship, 30)2(, 179-184.
Filho, J.B., Bonomo, P.P., Maia, M., &Procianoy, R.S. (2009). Weight gain measured at 6 week after birth as a predictor for severe retinopathy of prematurity: Study with 317 very low birth weight preterm babies. Graefe's Archive Clinical and Experimental Ophthalmology, 247, 831-836.
Franck, L.S., Cox, A., Allen, A., & Winter, I. (2005). Measuring neonatal intensive care unit- related parental stress. Journal of Advanced Nursing, 49(6), 608-615.
Fraley, A.M. (1986). Chronic sorrow in parents of premature children.Children’s Health Care, 15(2), 114-118.
Grewal, J.S., & Fielder, A.R. (2012). Sequelae of retinopathy of prematurity.Pediatrics and Child Health, 22(1), 19-24.
Hinsin, C.(2006). Maternal participation in caring for high-risk neonates. Thesis Master of Nursing Science (Pediatric Nursing), Graduate School, Chiang Mai University. (In Thai)
Hobdell, E.F. (2004). Chronic sorrow and depression in parents of children with neural tube defects, Journal of Neuroscience Nursing, 36(2), 82-94.
Husain, S.M., Sinha, A.K., Bunce, C., Arora, P., Lopez. W., & Mun, K.S., Adams, G.G. (2013). Relationships between maternal ethnicity, gestational age, birth weight, weight gain, and severe retinopathy of prematurity. The Journal of Pediatrics, 1-6. doi: 10.1016/j.jpeds.2012.12.038
Kelly, M.M. (2006). The basics of prematurity. Journal of Pediatric Health Care, 20(4), 238-244.
Kuerschner, D.R. (2003). Does my child really need to wear these glasses? A review of retinopathy
of prematurity and long-term outcome. Newborn and Infant Nursing Review, 3(3),110-117.
Lad, E.M., Hernandez-Boussard, T., Morton, J.M., &Moshfeghi, D. (2009).Incidence of retinopathy of prematurity in the United States.American Journal of Ophthalmology, 148(3), 45-458.
Lowdermilk, D.L., Perry, S.E., Cashion, K., & Alden, K.R. (2012). Mental health disorders and subalance abuse in pregnancy. Maternal & Women's Health Care. (10thed.). St. Louis: Mosby.
Lowes, L., & Lyne, P. (2000). Chronic sorrow in parents of children with newly diagnosis diabetes: A review of the literature and discussion of the implications for nursing practice. Journal of Advanced Nursing, 32(1), 41-48.
Murray,S.S., & Mckinney, E.S. (2010). Foundations of maternal– newborn and women's health nursing. (5thed.). Philadelphia: W.B. Saunders.
Parker, L. (2010). Mothers’s experience of receiving counseling / psychotherapy on a neonatal intensive care unit (NICU). Journal of Neonatal Nursing, 2, 1-8.
Peterson, S.J., & Bredow.T.S. (2009). Middle Range Theories (2nded.). St. Paul, Minnesota: Philadelphia.
Photanun, P. (2012). Materal Participation in Caring for Preterm infants in Neonatal Intensive care unit and Related Factors. Thesis Master of Nursing Science (Pediatric Nursing), Graduate School, Chiang Mai University. (In Thai)
Rungamornrat, S., Karnjanawanich, W., & Muangyoo, U. (2012). Maternal participation in caring for a premature infant with respirator. Journal of Nursing Science, 30(4), 49-60.
Scornaienchi, J.M. (2003). Chronic sorrow: One mother’s experience with two children with lissencephaly. Journal of Pediatric Health Care, 17, 290-294.
Srisatidnarakul, B. (2010).The Methadology in Nursing Research. (5thed.). Faculty of Nursing Chulalongkorn- University. Bankok. U&I Intermidia. (In Thai)
Stoll, B.J., Hansen, N.I., Bell, E.F., Shankaran, S., &Laptook, A.R. (2010). Neonatal outcomes of extremely preterm infants from the NICHD neonatal research network. Pediatrics, 126(3), 443–456.
Vale, I.N., Souza, S.R., & Carmona, E.V. (2005). Nursing diagnosis identified during parent group meetings in a neonatal intensive care unit. International Journal of Nursing Terminologies and Classification, 16 (3-4), 65-73.
Vitale, S.A., & Falco, C. (2014). Children born prematurety: Risk of parental chronic sorrow. Journal of Pediatric Nursing, 29, 248-251.
Wacharasin,C. (2007). Theoretical foundations for advanced family nursing. Faculty of Nursing Burapha University. Chonburi; Chonburi Printing. (In Thai)
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารพยาบาลสาร
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
