ประสิทธิผลของการใช้โปรแกรมการบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม ในผู้ป่วยโรคติดสุรา โรงพยาบาลธัญญารักษ์แม่ฮ่องสอน

ผู้แต่ง

  • กนกวรรณ พวงมาลีประดับ พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ โรงพยาบาลธัญญารักษ์แม่ฮ่องสอน
  • สมบัติ สกุลพรรณ์ ผู้เขียนหลัก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  • ดาราวรรณ ต๊ะปินตา ศาสตราจารย์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

คำสำคัญ:

โปรแกรมการบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม, ผู้ป่วยโรคติดสุรา, พฤติกรรมการดื่มสุรา

บทคัดย่อ

โรคติดสุราทำให้เกิดผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจของผู้ป่วยโรคติดสุรา รวมทั้งยังส่งผลกระทบต่อครอบครัวและสังคมด้วย ผู้ป่วยโรคติดสุราจึงต้องได้รับการบำบัดรักษาที่เหมาะสม ซึ่งการบำบัดทางความคิดและพฤติกรรมเป็นการบำบัดทางจิตสังคมที่ช่วยลดพฤติกรรมการดื่มสุราได้ การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิผลของการใช้โปรแกรมการบำบัดทางความคิดและพฤติกรรมในผู้ป่วยโรคติดสุรา โรงพยาบาลธัญญารักษ์แม่ฮ่องสอน กลุ่มตัวอย่างคือผู้ป่วยโรคติดสุราจำนวน 15 คนที่เข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยบำบัดยา โรงพยาบาลธัญญารักษ์แม่ฮ่องสอน ในระหว่างเดือนมิถุนายน ถึงเดือนสิงหาคม 2560 และบุคลากรทางการพยาบาลจำนวน 6 คนซึ่งเป็นผู้ใช้โปรแกรม เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย 1) แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล 2) แบบประเมินปัญหาการดื่มสุรา 3) แบบประเมินความพึงพอใจของบุคลากรทางการพยาบาล ดัดแปลงมาจากแบบสำรวจความคิดเห็นของพยาบาลผู้ปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้แผนจำหน่ายผู้ป่วย 4) แบบประเมินความพึงพอใจของผู้ป่วยโรคติดสุราดัดแปลงมาจากแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ป่วยที่ได้รับการช่วยเหลือโดยการใช้โปรแกรมการให้คำปรึกษาโดยการปรับความคิดและพฤติกรรม 5) โปรแกรม การบำบัดทางความคิดและพฤติกรรมเพื่อลดพฤติกรรมการดื่ม และ 6) แบบประเมินอาการถอนพิษสุรา วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา

ผลการวิจัย

  1. ภายหลังได้รับโปรแกรมการบำบัดทางความคิดและพฤติกรรมโดยประเมินเมื่อผู้ป่วยจำหน่ายออกจากโรงพยาบาล 1 เดือน พบว่าผู้ป่วยทุกรายสามารถลดพฤติกรรมการดื่มสุรา โดยในจำนวนนี้สามารถหยุดดื่มได้ถึงร้อยละ 66.67
  2. ผู้ป่วยโรคติดสุราที่ได้รับโปรแกรมการบำบัดทางความคิดและพฤติกรรมทุกราย มีความคิดเห็นว่าโปรแกรมมีประโยชน์ต่อการลด ละ เลิกการดื่มสุรา และมีความพึงพอใจโดยภาพรวมต่อการได้รับโปรแกรมในระดับมากถึงมากที่สุด
  3. บุคลากรทางการพยาบาลผู้ใช้โปรแกรมการบำบัดทางความคิดและพฤติกรรมร้อยละ 100 มีความคิดเห็นว่าโปรแกรมมีประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานต่อผู้ป่วยและญาติในระดับมาก และร้อยละ 83.33 มีความคิดเห็นว่าโปรแกรมมีความเหมาะสมต่อการนำมาใช้ในหน่วยงาน และมีความพึงพอใจโดยรวมต่อการใช้โปรแกรมในระดับมาก

          ผลการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า โปรแกรมการบำบัดทางความคิดและพฤติกรรมสามารถลดพฤติกรรมการดื่มสุราของผู้ป่วยโรคติดสุราที่รับบริการที่หอผู้ป่วยบำบัดยา โรงพยาบาลธัญญารักษ์แม่ฮ่องสอนได้ ดังนั้น ควรนำโปรแกรมการบำบัดทางความคิดและพฤติกรรมนี้ไปใช้ในการบำบัดผู้ป่วยโรคติดสุราต่อไป

เอกสารอ้างอิง

Beck, A. T., Wright, F. D., Newman, C. F., & Liese, B. S. (1993). Cognitive Therapy of Substance Abuse. New York: The Guilford Press.

Center for Alcohol Studies, Thailand. (2013). The situation of alcohol consumption and domestic impact in 2013. Bangkok: Graphico System Company. (In Thai)

Chainoon, C. (2008). Effect of cognitive behavior therapy on alcohol drinking behaviors among persons with alcohol dependence Somdejphrachaotaksinmaharaj Hos pital, Tak Province (Independent Study, Chiangmai University). (In Thai)

Duansawang, A. (2008). Effectiveness of using discharge plan for suicidal attempted patientsadmitted to Sobprabab Hopital, Lampang Province (Independent Study, Chiangmai University). (In Thai)

Kittirattanapaiboon, P., Kongsuk, T., Pengjuntr, W., Leejongper mpoon, J., Chutha, W., Kenbubpha, K. (2013). Epidemiology of psychiatric comorbidity in Thailand : a national study 2008. Journal of Mental Health of Thailand, 21 (1), 1-14. (In Thai)

Lambert, M. J., & Barley, D. E. (2001). Research summary on the therapeutic relationship and psychotherapy outcome. Psychotherapy, 38 (4), 357-361.

Matthew, G. A. (1997). Cognitive-behaviour therapy and problem drinking: A meta-analysis(Master’s thesis, University of Toronto).

National Statistical Office, Thailand (2011). Summary of smoking and alcohol drinking behavior surveys of Thai population 2011. Retrieved from https://www.society.go.th/ewtnews. ph p?nid=13207

Panya, P., Sethabouppha, H., & Jormsi, P. (2013). Experiences of Relapse among Elderly with Alcohol Dependence. Nursing Journal of Thailand, 40 (4), 45-55. (In Thai)

Pearson, A., Wiechula, R., Court, A., & Lockwood, C. (2005). Th e JBI model of evidence-based

healthcare. International Journal of Evidence-Based Healthcare, 3 (8), 207 - 215.

Peschken, W., & Johnson, M. (1997). Therapist and client trust in the therapeutic relationship. Psychotherapy Research, 7(4), 439-447.

Pruekkanon, B., Sirisamut, T., Duangthipsirikun, S., Puangladda, S., & Sudsriwilai, K. (2013).Epidemiology mental health problems and psychiatry. Bangkok: Office of the Secretariat to the National Mental Health Commission, Department of Mental Health. (In Thai)

Rogers, E. M. (1983). Diffusion of innovations (3nd ed.). New York: The Free Press.

Saipanish, R., & Silpakit, C. (2015). Substance use disorders. Bangkok: Department of Psychiatry, Faculty of Medicine, Ramathibodi Hospital, Mahidol University. (In Thai)

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2020-05-14

รูปแบบการอ้างอิง

พวงมาลีประดับ ก., สกุลพรรณ์ ส. ., & ต๊ะปินตา ด. (2020). ประสิทธิผลของการใช้โปรแกรมการบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม ในผู้ป่วยโรคติดสุรา โรงพยาบาลธัญญารักษ์แม่ฮ่องสอน. พยาบาลสาร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 47(2), 297–309. สืบค้น จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/cmunursing/article/view/241821

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย