ผลของการให้ความรู้และฝึกทักษะการสร้างความผูกพันและการดูแลบุตรต่อความสำเร็จในการดำรงบทบาทมารดาของสตรีหลังคลอดที่ติดเชื้อเอชไอวี

Authors

  • วรรณิภา เย็นใจ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี พะเยา
  • พรรณพิไล ศรีอาภรณ์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  • จันทรรัตน์ เจริญสันติ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

Keywords:

การให้ความรู้และฝึกทักษะ, การสร้างความผูกพัน, การดูแลบุตร, ความสำเร็จในการดำรงบทบาทมารดา, สตรีหลังคลอดที่ติดเชื้อเอชไอวี

Abstract

          สตรีหลังคลอดที่ติดเชื้อเอชไอวีต้องเผชิญกับโรคที่คุกคามทั้งร่างกาย จิตใจ และสังคม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำรงบทบาทมารดา การวิจัยกึ่งทดลองแบบหนึ่งกลุ่มวัดแบบอนุกรมเวลานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการให้ความรู้และฝึกทักษะการสร้างความผูกพันและการดูแลบุตรต่อความสำเร็จในการดำรงบทบาทมารดาของสตรีหลังคลอดที่ติดเชื้อเอชไอวี กลุ่มตัวอย่างเป็นสตรีหลังคลอดที่ติดเชื้อเอชไอวี ที่มารับบริการที่แผนกสูติกรรม โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จำนวน 19 ราย ระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2555 เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจงเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แผนการให้ความรู้และฝึกทักษะการสร้างความผูกพันและการดูแลบุตร คู่มือการสร้างความผูกพันและการดูแลบุตร แบบบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล แบบบันทึกการติดตามทางโทรศัพท์ และแบบวัดความสำเร็จในการดำรงบทบาทมารดา วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และสถิติวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวแบบวัดซ้ำ

 

ผลการวิจัย พบว่า

          สตรีหลังคลอดที่ติดเชื้อเอชไอวีที่ได้รับการให้ความรู้และฝึกทักษะการสร้างความผูกพันและการดูแลบุตร มีความสำเร็จในการดำรงบทบาทมารดา ในวันที่ 3 สัปดาห์ที่ 2 และสัปดาห์ที่ 6 หลังคลอดแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.001

          ผลการศึกษาชี้ให้เห็นถึงประสิทธิผลของการให้ความรู้และฝึกทักษะการสร้างความผูกพันและการดูแลบุตรในสตรีหลังคลอดที่ติดเชื้อเอชไอวี ดังนั้นพยาบาลผดุงครรภ์จึงควรนำไปใช้ในการปฏิบัติการพยาบาลต่อไป

Downloads

Published

2014-04-30

How to Cite

เย็นใจ ว., ศรีอาภรณ์ พ., & เจริญสันติ จ. (2014). ผลของการให้ความรู้และฝึกทักษะการสร้างความผูกพันและการดูแลบุตรต่อความสำเร็จในการดำรงบทบาทมารดาของสตรีหลังคลอดที่ติดเชื้อเอชไอวี. Nursing Journal CMU, 41(1), 25–36. retrieved from https://he02.tci-thaijo.org/index.php/cmunursing/article/view/33195