ผลของการให้ข้อมูล การสร้างแรงจูงใจ และการพัฒนาทักษะต่อความมีวินัยในการรับประทานยาต้านไวรัสในเยาวชนที่ติดเชื้อเอชไอวี

Abstract

               เยาวชนที่ติดเชื้อเอชไอวีที่ขาดวินัยในการรับประทานยาต้านไวรัส จะส่งผลให้ไม่สามารถควบคุมปริมาณเชื้อไวรัสในกระแสเลือด มีภูมิต้านทานลดลง เกิดการติดเชื้อฉวยโอกาสและดื้อยาต้านไวรัส  การวิจัยเชิงทดลองนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการให้ข้อมูล การสร้างแรงจูงใจ และการพัฒนาทักษะต่อความมีวินัยในการรับประทานยาต้านไวรัสในเยาวชนที่ติดเชื้อเอชไอวี กลุ่มตัวอย่างคือผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีอายุระหว่าง 15-24ปี ที่มารับยาต้านไวรัสที่คลินิกเอดส์ โรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่ง สุ่มเยาวชนที่ติดเชื้อเอชไอวีที่ไม่มีวินัยในการรับประทานยาต้านไวรัส จำนวน 56ราย เข้าการศึกษาโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์แบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 28 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แผนการให้ข้อมูล  การสร้างแรงจูงใจ และพัฒนาทักษะการรับประทานยาต้านไวรัส  แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป แบบบันทึกความมีวินัยในการรับประทานยาต้านไวรัส และแบบบันทึกจำนวนเม็ดเลือดขาวชนิด CD4วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา สถิติไควสแคว์  สถิติทดสอบแมคนีมาร์ และสถิติทดสอบค่าที

                 ผลการวิจัยพบว่า  ภายหลังได้รับการให้ข้อมูล การสร้างแรงจูงใจ และการพัฒนาทักษะการรับประทานยาต้านไวรัส 3 เดือน กลุ่มทดลองมีวินัยในการรับประทานยาต้านไวรัสเพิ่มขึ้น จากร้อยละ 0 เป็นร้อยละ 78.57 (ก่อนการทดลองมีวินัยในการรับประทานยาต้านไวรัสเท่ากับ 0 ราย และหลังการทดลองมีวินัยในการรับประทานยาต้านไวรัสเท่ากับ 22 ราย) และมากกว่ากลุ่มควบคุมที่มีวินัยในการรับประทานยาต้านไวรัสเท่ากับ 7 ราย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.001)กลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ยของจำนวนเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 เพิ่มขึ้นจาก 375.36 เซลล์ต่อลูกบาศก์เมตร เป็น 483.32 เซลล์ต่อลูกบาศก์เมตรอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.001)  และมากกว่ากลุ่มควบคุมที่มีค่าเฉลี่ยของจำนวนเม็ดเลือดขาวชนิด CD4เท่ากับ385.75 เซลล์ต่อลูกบาศก์เมตร อย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (p=.053) การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า การให้ข้อมูล การสร้างแรงจูงใจ และการพัฒนาทักษะทำให้เยาวชนที่ติดเชื้อเอชไอวีมีวินัยในการรับประทานยาต้านไวรัสมากขึ้น และส่งผลให้จำนวนเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 เพิ่มขึ้น จึงควรนำการให้ข้อมูล การสร้างแรงจูงใจ และการพัฒนาทักษะการรับประทานยาต้านไวรัสไปประยุกต์ใช้ในคลินิกโรคเอดส์  เพื่อให้เยาวชนที่ติดเชื้อเอชไอวีมีวินัยในการรับประทานยาต้านไวรัสเพิ่มขึ้นซึ่งจะส่งผลทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายดีขึ้น