สัมพันธภาพระหว่างคู่สมรส ความรักใคร่ผูกพันระหว่างบิดากับทารก และการเข้ามามีส่วนร่วมของบิดาในระยะหลังคลอด

Authors

  • ชลดา สติปัญ โรงพยาบาลกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ
  • พรรณพิไล ศรีอาภรณ์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  • นันทพร แสนศิริพันธ์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

Keywords:

สัมพันธภาพระหว่างคู่สมรส, ความรักใคร่ผูกพันระหว่างบิดากับทารก, การเข้ามามีส่วนร่วมของบิดา

Abstract

           การเข้ามามีส่วนร่วมของบิดาในระยะหลังคลอดมีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อภาวะสุขภาพทั้งด้านร่างกายและจิตใจของบิดา มารดา และบุตร การวิจัยเชิงพรรณนาเพื่อหาความสัมพันธ์ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง สัมพันธภาพระหว่างคู่สมรส ความรักใคร่ผูกพันระหว่างบิดากับทารก และการเข้ามามีส่วนร่วมของบิดาในระยะหลังคลอด กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้เป็นบิดาครั้งแรก ที่มีบุตรอายุ 6-8 สัปดาห์ จำนวน 102 ราย เก็บรวบรวมข้อมูล ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพเชียงใหม่ ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2557 เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลคือแบบสอบถามสัมพันธภาพระหว่างคู่สมรสของ พัชรินทร์  เราจุติธรรม (Raojutitham, 2006)แบบสอบถามความรักใคร่ผูกพันระหว่างบิดากับทารกดัดแปลงมาจากแบบสอบถามความรักใคร่ผูกพันระหว่างบิดากับทารก ของเยาวลักษณ์                      แฉขุนทด (2539) และแบบสอบถามการเข้ามามีส่วนร่วมของบิดาในระยะหลังคลอด ของ ศุภกร ไชยนา และนันทพร แสนศิริพันธ์ (ศุภกร ไชยนา, 2558) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และสถิติสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เชิงอันดับสเปียร์แมน

          ผลการวิจัยพบว่าความสัมพันธ์ระหว่างคู่สมรสมีความสัมพันธ์ทางบวกระดับสูง กับการเข้ามามีส่วนร่วมของบิดาในระยะหลังคลอด อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r = .58 , p < .01) และความรักใคร่ผูกพันระหว่างบิดากับทารกมีความสัมพันธ์ทางบวกระดับสูง กับการเข้ามามีส่วนร่วมของบิดาในระยะหลังคลอด อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r = .51 , p < .01)

          ผลการวิจัยครั้งนี้สามารถนำไปใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการวางแผนการพยาบาล เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการเข้ามามีส่วนร่วมของบิดาในระยะหลังคลอด

Downloads

Published

2016-12-01

How to Cite

สติปัญ ช., ศรีอาภรณ์ พ., & แสนศิริพันธ์ น. (2016). สัมพันธภาพระหว่างคู่สมรส ความรักใคร่ผูกพันระหว่างบิดากับทารก และการเข้ามามีส่วนร่วมของบิดาในระยะหลังคลอด. Nursing Journal CMU, 43(5), 71–81. Retrieved from https://he02.tci-thaijo.org/index.php/cmunursing/article/view/92433