ผลการให้บริบาลทางเภสัชกรรมผู้ป่วยวัณโรคปอดรายใหม่ที่เสมหะพบเชื้อ ในโรงพยาบาลอุตรดิตถ์
คำสำคัญ:
การบริบาลทางเภสัชกรรม, วัณโรคปอด, ปัญหาจากการใช้ยาบทคัดย่อ
บทนำ: การรักษาวัณโรคต้องใช้ยาหลายชนิดร่วมกันเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน ทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสเกิดปัญหาจากการใช้ยา
ซึ่งส่งผลต่อผลลัพธ์ของการรักษา การบริบาลทางเภสัชกรรมเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของเภสัชกรในการค้นหา แก้ไขและ
ป้องกันปัญหาจากการใช้ยาของผู้ป่วย
วัตถุประสงค์: เพื่อเปรียบเทียบผลการให้บริบาลทางเภสัชกรรมในผู้ป่วยวัณโรคปอดรายใหม่ที่เสมหะพบเชื้อระหว่างกลุ่มที่ได้
รับการบริบาลเภสัชกรรมและกลุ่มที่ได้รับการดูแลรักษาตามปกติ
วิธีการศึกษา: เป็นการวิจัยชนิด Intervention research with historical controlled ผู้ป่วยทั้งหมดที่ศึกษา 73 คน แบ่ง
เป็น 2 กลุ่มได้แก่ กลุ่มทดลอง 29 คนและกลุ่มควบคุม 44 คน กลุ่มทดลองเป็นการศึกษาแบบไปข้างหน้าในผู้ป่วยวัณโรคปอด
รายใหม่ที่เสมหะพบเชื้อ ณ โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ตั้งแต่เดือน ธันวาคม 2562 - กันยายน 2563 ได้รับการบริบาลทางเภสัชกรรม
ตามรูปแบบที่กำหนด กลุ่มควบคุมเป็นผู้ป่วยวัณโรคที่รับบริการระหว่างเดือน ตุลาคม 2561 – กันยายน 2562 โดยเก็บข้อมูล
ย้อนหลังจากเวชระเบียน ผลลัพธ์ที่วัดได้แก่ ปัญหาจากการใช้ยา อาการไม่พึงประสงค์จากยา ความร่วมมือในการใช้ยา ผลเสมหะ
เมื่อครบระยะเข้มข้นของการรักษาและผลการรักษาเมื่อสิ้นสุดการรักษา วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติการทดสอบไคสแควร์ การ
ทดสอบของฟิชเชอร์ โดยกำหนดนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
ผลการศึกษา: ผู้ป่วยทั้งสองกลุ่มไม่แตกต่างกันในเรื่อง เพศ อายุ นํ้าหนักตัวเฉลี่ย การใช้สิ่งเสพติดและผลย้อมเสมหะเริ่มต้น
ในการรักษา (p>0.05) กลุ่มทดลองมีผลเสมหะเป็นลบเมื่อสิ้นสุดการรักษาเดือนที่ 2 ร้อยละ 72.4 และผลสำเร็จของการรักษา
ร้อยละ 93.1 มากกว่ากลุ่มควบคุมที่พบร้อยละ 54.6 (p=0.124) และ 88.6 (p=0.696) ตามลำดับ กลุ่มทดลองมีความร่วมมือ
ในการใช้ยาร้อยละ 93.1 มากกว่ากลุ่มควบคุมที่พบร้อยละ 72.7 (p<0.05) และพบปัญหาจากการใช้ยาน้อยกว่า (p<0.05) โดย
กลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมมีค่าเฉลี่ยของปัญหาจากการใช้ยา 1.93±1.28 และ 2.66±1.63 ตามลำดับ และทั้งสองกลุ่มพบ
ปัญหาเรื่องอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยามากที่สุด
สรุป: การบริบาลเภสัชกรรมช่วยเพิ่มความร่วมมือในการใช้ยาของผู้ป่วยวัณโรคปอดและช่วยลดปัญหาจาก
การใช้ยาได้ ส่งผลให้ผลลัพธ์ของการรักษาเพิ่มขึ้นผู้ป่วยวัณโรคมีโอกาสพบปัญหาจากการใช้ยาได้บ่อย เช่น อาการไม่พึงประสงค์
จากยา การได้รับยาในขนาดที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นเภสัชกรควรมีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วยดังกล่าวตั้งแต่ครั้งแรกที่ผู้ป่วยได้รับยา
โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคร่วม เช่น การทำงานของไตบกพร่อง
คำสำคัญ: การบริบาลทางเภสัชกรรม วัณโรคปอด ปัญหาจากการใช้ยา
เอกสารอ้างอิง
กราฟฟิคแอนด์ดีไซน์; 2561.
2. กองวัณโรค กรมควบคุมโรค [อินเตอร์เน็ต]. กรุงเทพ: กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. [เข้าถึง เมื่อ 14 ต.ค. 2562]. เข้าถึง
ได้จาก: https://www.tbthailand.org/
3. กฤติมา โภชนสมบูรณ์. ผลลัพธ์ของการบริบาลทางเภสัชกรรมแก่ผู้ป่วยวัณโรคในคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัย
นวมินทราธิราช. วชิรเวชสารและวารสารเวชศาสตร์เขตเมือง [อินเตอร์เน็ต]. 2559 [เข้าถึงเมื่อ 3 ก.ค. 2563];60(3):171-80.
เข้าถึงได้จาก: https://he02.tci-thaijo.org/index.php/VMED/article/view/192640/134334
4. วราภรณ์ แสงวิเชียร,จิราพร คำแก้ว, ชญานิน กำลัง, ปริญดา จันทร์บรรเจิด, มยุรี พงศ์เพชรดิถ. ปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในการ
รักษาวัณโรคปอดในคลินิกวัณโรค โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี. วารสารเภสัชศาสตร์อีสาน [อินเตอร์เน็ต]. 2558 [เข้าถึงเมื่อ 11
มิ.ย. 2562];11(3):83-91. เข้าถึงได้ จาก:https://www.tci-thaijo.org/index.php/IJPS/article/view/32762/35437
5. หทัยถวิล สนธิสมบัติ. การบริบาลทางเภสัชกรรมและปัจจัยที่มีผลต่อการรักษาผู้ป่วยวัณโรคในโรงพยาบาลโพนพิสัย จังหวัด
หนองคาย. วารสารองค์การเภสัชกรรม [อินเตอร์เน็ต]. 2560 [เข้าถึงเมื่อ 3 ก.ค. 2563];44(1):15-26. เข้าถึงได้จาก: https://
www2.gpo.or.th/LinkClick.aspx?fileticket=tA1v0uiQ7Ew%3D&tabid=111&mid=599
6. วิลาวัณย์ ทองเรือง, ณัฐนิช กสิณวัฒน์, นนทกานต์ ลิ่มเจริญ, เกตุวดี หนูรัตน์แก้ว. อาการไม่พึงประสงค์ระหว่างการใช้
ยาต้านวัณโรคและความไม่สำเร็จในการรักษา. วารสารไทยเภสัชศาสตร์และวิทยาการสุขภาพ [อินเตอร์เน็ต]. 2552 [เข้าถึงเมื่อ
7 ก.ค.2563];4(1):46-51. เข้าถึงได้จาก: https://ejournals.swu.ac.th/index.php/pharm/article/view/2664/2675
7. วิชชุดา เทียนเจษฎา, เชิดชัย สุนทรภาส. การจัดการและผลการรักษาผู้ป่วยวัณโรค ณ โรงพยาบาลบ้านกรวด. วารสาร
เภสัชศาสตร์อีสาน[อินเตอร์เน็ต]. 2555 [เข้าถึงเมื่อ 19 ก.ค. 2562];8(2):41-52. เข้าถึงได้จาก: http://pharm.kku
ac.th/1san-journal/journal/volume8-no2/04.pdf
8. Hepler CD, Strand LM. Opportunities and responsibilities in pharmaceutical care. Am J Hosp Pharm.
1990;47(3):533-543.
9. นิสารัตน์ คำด้วง, ศุภวรรณ พงศ์พัฒนาวุฒิ. ผลของการให้บริบาลทางเภสัชกรรมในผู้ป่วยวัณโรคปอดของโรงพยาบาลสมเด็จ
พระสังฆราช องค์ที่ 17 จังหวัดสุพรรณบุรี. วารสารเภสัชกรรมไทย[อินเตอร์เน็ต]. 2561 [เข้าถึงเมื่อ 11 มิ.ย. 2562];10(2):
345-55. เข้าถึงได้จาก: https://www.tci-thaijo.org/index.php/TJPP/article/view/171140/122964
10. World Health Organization. International drug monitoring-the role of the hospital. Drug Intell Clin Pharm
1970;4:101-10.
11. Division of AIDS(DAIDS) table for grading the severity of adult and pediatric adverse event version 2.1 [Internet].
2017 July [cited 2019 Oct 14].Available from: https://rsc.niaid.nih.gov/sites/default/files/daidsgradingcor
rectedv21.pdf
12. Gilbert DN, Chambers HF, Eliopoulos GM, Saag MS, Pavia AT, Black D, et al. The Sanford guide to antimicrobial
therapy 2016.46thed. Sperry ville: Antimicrobial Therapy Inc.; 2016.
13. Banu Rekha VV, Balasubramanian R, Swaminathan S, Ramachandran R, Rahman F, Sundaram V, et al.
Sputum conversion at the end of intensive phase of Category-1 regimen in the treatment of pulmonary
tuberculosis patients with diabetes mellitus or HIV infection: An analysis of risk factors. Indian J Med Res.
2007 Nov;126(5):452-8. PMID: 18160750.
14. Shital P, Anil J, Sanjay M, Mukund P. Tuberculosis with diabetes mellitus: clinical-radiological overlap
and delayed sputum conversion needs cautious evaluation-prospective cohort study in Tertiary Care Hospital,
India. J Pulm Respir Med. 2014;4(2):1-5.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ชื่อและที่อยู่อีเมลที่ป้อนในเว็บไซต์วารสารนี้จะถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ของวารสารนี้เท่านั้น และจะไม่ถูกนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นหรือส่งข้อมูลให้กับกับบุคคลอื่นใด







