อิทธิพลของการติดเชื้อในคู่สมรสร่วมกับการได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี และการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ในสตรีที่มาฝากครรภ์ โรงพยาบาลอุตรดิตถ์
คำสำคัญ:
Hepatitis B disease, Pregnant Women, Hepatitis B Vaccineบทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: ศึกษาความชุกของการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในสตรีที่มาฝากครรภ์ ที่โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ และอิทธิพลของ
การติดเชื้อในคู่สมรสร่วมกับการได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี
รูปแบบการวิจัย: retrospective research เชิงสมมุติฐาน รูปแบบ cohort
สถานที่ศึกษา: คลินิกฝากครรภ์และคลินิกระบบทางเดินอาหาร โรงพยาบาลอุตรดิตถ์
วิธีการศึกษา: ศึกษาในสตรีที่มาฝากครรภ์ จำนวน 118 ราย ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2560 ถึง 30 มิถุนายน 2561 เป็นหญิง
ตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (case) จำนวน 5 ราย และหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (control) จำนวน 113
รายเก็บข้อมูลย้อนหลัง ลักษณะทั่วไปและลักษณะทางคลินิกจากแบบบันทึกการฝากครรภ์วิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานเปรียบเทียบ
ผู้ป่วย 2 กลุ่มสถิติที่ใช้ exact probability test และ t-test วิเคราะห์ นำเสนอด้วย estimated odds ratio
ผลการศึกษา: ความสัมพันธ์ระหว่างการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในคู่สมรส จำแนกตามสถานะการได้รับวัคซีนของสตรีตั้งครรภ์
พบว่าสตรีตั้งครรภ์ที่ได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีที่มีสามีติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอัก
เสบบี 2.58 เท่า OR=2.58, 95% CI=0.05,29.43, p=0.401 สตรีตั้งครรภ์ที่ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีที่มีสามีติด
เชื้อไวรัสตับอักเสบบีจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อถึง 12.5 เท่า OR=12.5, 95% CI=0.13,999.46, p=0.03 ส่วนสตรีที่ตั้งครรภ์ได้รับ
วัคซีน ไม่พบความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
สรุป: การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในคู่สมรสเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี 2.58 เท่า หญิง
ตั้งครรภ์ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากคู่สมรสสูงถึง 12.5 เท่าอย่างมีนัยสำคัญทาง
สถิติ (p= 0.03)
เอกสารอ้างอิง
hepatitis A infection. Geneva Switzerland: World Health Organization; 2015
2. World Health Organization. Guidelines for the prevention, care and treatment of persons with chronic
hepatitis B infection. Geneva Switzerland: World Health Organization; 2015
3. ไพศาล ธัญญาวินิชกุลและคณะ. ความชุกของการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง และไวรัสตับอักเสบซีในประชากรตำบล
หนองป่าครั่ง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่.วารสารกรมการแพทย์ปีที่ 42 ฉบับที่ 2 มีนาคม–เมษายน 2560; 103 : 102 – 109
4. เฉลิมรัฐ บัญชรเทวกุล, สูงชัย อังธารารักษ์, เพชรรัตน์ ดุสิตานนท์, สกานต์ บุนนาค, วิรุฬห์ ลิขิตเลิศลํ้า. ไวรัสตับอักเสบซี. หนังสือ
อายุรศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 1.กรุงเทพมหานคร: บริษัทซิตี้พริ้นท์ จำกัด; 2552:140-53
5. ธนกร ปรุงวิทยาและคณะ. อัตราการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซีในผู้ป่วยโรคมะเร็งตับรายใหม่ที่มารับบริการ
ที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ.วารสารเทคนิคการแพทย์และกายภาพบำบัดปีที่24 ฉบับที่ 3 กันยายน-ธันวาคม 2555 ; 266 : 264 – 271
6. สมาคมโรคตับแห่งประเทศไทย. แนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบบีและซีเรื้อรังในประเทศไทย. กรุงเทพ; 2558.
หน้า 114-153.
7. Rani M, Yang B, Nesbit R. Hepatitis B control by 2012 in the WHO Western Pacific Region: rationale and
implications. Bull World Health Organization 2009;87(9):707-13
8. World Health Organization. Guidelines for the Screening, care and treatment of persons with chronic
hepatitis C infection. Geneva Switzerland: World Health Organization; 2016
9. นริสา ตัณหัยย์, พิศพรรณ วีระยิ่งยง, พัทธรา ลีฬหวรงค์, ยศ ตีระวัฒนานนท์.ความคุ้มค่าของการ ตรวจคัดกรองโรคไวรัสตับ
อักเสบบีในประเทศไทย.วารสารวิจัยระบบสาธารณสุข2556;7:440-51
10. สมบูรณ์ บุณยเกียรติ, ชวนพิศ เจริญพงศ์. บทบาทของพยาบาลกับการตรวจคัดกรองโรคติดเชื้อในสตรีตั้งครรภ์: บทความ
วิชาการ. วารสารเกื้อการุณย์ ปีที่ 23 ฉบับ 1 มกราคม – มิถุนายน 2559; 164 : 163 – 17
11. ณัฐพร ภู่ไพบูลย์. ความชุกของการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีของสตรีตั้งครรภ์ในพื้นที่ชายขอบไทย-พม่า.บทความวิชาการ.
สวรรค์ประชารักษ์เวชสาร ปีที่ 17 ฉบับที่ 1 มกราคม – เมษายน 2563; 3-5
12. ประสาน เปรมะสกุล. คู่มือแปลผลตรวจเลือดไวรัสลงตับ. กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์บริษัทอมรินทร์บุ๊คเซนต์เตอร์; 2553
หน้า 83-250.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ชื่อและที่อยู่อีเมลที่ป้อนในเว็บไซต์วารสารนี้จะถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ของวารสารนี้เท่านั้น และจะไม่ถูกนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นหรือส่งข้อมูลให้กับกับบุคคลอื่นใด







