การพัฒนาแนวทางธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์ระดับพื้นที่ของตำบลแห่งหนึ่ง ในจังหวัดนครนายก
คำสำคัญ:
ธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์, การดูแลสุขภาพตนเอง, สุขภาวะพระสงฆ์บทคัดย่อ
บทนำ: ธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ พ.ศ. 2560 เป็นแนวทางในการกำหนดนโยบาย หรือ ข้อตกลงร่วมกันของพระสงฆ์ สังคม ชุมชน และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ใช้เป็นแนวทางในการสร้างเสริมสุขภาวะของพระสงฆ์ในทุกระดับ วัตถุประสงค์: เพื่อพัฒนาแนวทางธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์ระดับพื้นที่ วิธีการศึกษา: การวิจัยเชิงคุณภาพเฉพาะกรณี ประยุกต์ใช้ธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ พ.ศ. 2560 สร้างกรอบแนวคิดการวิจัย ผู้เข้าร่วมการวิจัยเลือกแบบเจาะจง จำนวน 131 คน คือ 1) พระสงฆ์ 9 รูป 2) ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ 23 คน 3) ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 99 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการตรวจคัดกรองสุขภาพเบื้องต้น การสัมภาษณ์เชิงลึก การสนทนากลุ่ม และการประชาพิจารณ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา แบ่งการศึกษาเป็น 2 ขั้นตอน คือ 1) ศึกษาปัญหาสุขภาพและความต้องการดูแลสุขภาพของพระสงฆ์ และ 2) การพัฒนาแนวทางธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์ ผลการศึกษา: ขั้นตอนที่ 1 พบว่า พระสงฆ์มีสุขภาพดี 5 รูป อาพาธ 4 รูป, มีเอนไซม์โคลีนเอสเตอร์เลสในเลือดระดับไม่ปลอดภัย 7 รูป และ 2 รูป อยู่ในระดับมีความเสี่ยง พระสงฆ์มีความต้องการดูแลสุขภาพตนเองโดยให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาตรวจสุขภาพที่วัดอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ขั้นตอนที่ 2 พบว่า ธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์ของตำบลประกอบด้วย 5 หมวด คือ 1) ปรัชญาและแนวคิดหลักของธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์ตำบล 2) พระสงฆ์กับการดูแลสุขภาพของตนเองตามหลักพระธรรมวินัย 3) ชุมชนกับการดูแลสุขภาพพระสงฆ์ที่ถูกต้องตามหลักพระธรรมวินัย 4) บทบาทพระสงฆ์ในการเป็นผู้นำด้านสุขภาวะของชุมชน และ 5) การขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์ตำบลสู่การปฏิบัติ มี 23 ข้อปฏิบัติ ส่วนใหญ่สอดคล้องกับธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ บทสรุป: การพัฒนาธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์ระดับพื้นที่ ควรเลือกกระบวนการสร้างธรรมนูญสุขภาพให้เหมาะสมกับบริบท และข้อจำกัดต่างๆของพื้นที่ เน้นการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ ซึ่งธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์ตำบลนี้ ยังไม่ถึงขั้นการประกาศใช้ จึงเสนอแนะให้องค์การบริหารส่วนตำบลนำแนวทางธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์นี้ไปประกาศใช้เป็นนโยบายสาธารณะ เพื่อให้ชุมชนใช้เป็นแนวทางปฏิบัติในการดูแล และสร้างเสริมสุขภาวะพระสงฆ์เพื่อความยั่งยืนต่อไป
Downloads
เอกสารอ้างอิง
สำนักข่าว Hfocus เจาะลึกระบบสุขภาพ. 5 อันดับโรคที่พระสงฆ์ป่วยสูงสุด. 2018. เมื่อ 30 พฤศจิกายน 2561. https://www.hfocus.org/content/2018/08/16206
สนธนา สีฟ้า. การศึกษาพฤตกิรรมการสร้างเสริมสุขภาพของพระภิกษุในจังหวัดปัตตานี. วิทยานิพนธปริญญามหาบัณฑิต. 2560. เมื่อ 30 พฤศจิกายน 2561. https://kb.psu.ac.th/psukb/ handle/2016/11754
นิรมล ธรรมวิริยสติ, วิจิตตรา มาลัยเขต, กลย์รวี กนกเลิศวงศ์, รินรดา วิสุทธิ และ สานิตา สิงห์สนัน. ระดับเอนไซม์โคลีนเอสเตอเรสในซีรัมต่อผลกระทบสุขภาพ ของผู้บริโภคผักผลไม้สด. วารสารวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ. 2562; 13(2): 52-62.
สำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค. องค์ความรู้เกี่ยวกับการตรวจคัดกรองความเสี่ยงจากการสัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืชโดยกระดาษทดสอบโคลีนเอสเตอเรส (Cholinesterase reactive paper) สำหรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในหน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิ. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: ศูนย์สื่อและสิ่งพิมพ์แก้วเจ้าจอม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา; 2560.
พระสุกสะหวัน บดขะหมวน. การดูแลสุขภาพตนเองของพระสงฆ์ในเขตดุสิต กรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต. 2559. เมื่อ 25 พฤษภาคม 2562. Doi: 10.14457/ TU.the.2016.1541
สำนักคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ. รู้จักและเข้าใจ : ธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ. 2553.เมื่อ 30 พฤศจิกายน 2561. https://www.nationalhealth.or.th/node/2127
สำนักคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ. ธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ พุทธศักราช 2560. เมื่อ 30 พฤศจิกายน 2561. https://www.nationalhealth.or.th/sites/default/files/ uploadfiles/ Buddhist_Monk_Chater.pdf
Boyer, WW. Implementation Analysis and Assessment. Policy Analysis. 1975;1(3): summer.
Tropman JE, Dluhy M, Lind R. New Strategic Perspectives on Social Policy. Pergamon International Library of Science, Technology, Engineering and Social Studies. Pergamon Press, NY; 1981.
Dye TR. Understanding Public Policy. 10theds. Englewood Cliffs, New Jersey: Prentice-Hall, Inc; 2002.
Morse, M.J., Field, A.P. Nursing research: The application of qualitative approaches. (2nd ed.). Chapman & Hill: London; 1996.
Lincoln YS, Guba EG. Naturalistic Inquiry. Beverly Hills, CA: Sage Publications, Inc; 1985.
Denzin NK. The research act: A theoretical introduction to sociological methods. Chicago, IL: Aldine; 1970.
George J, Torger R. The Reliability and Validity of Key Informant Data from Dyadic Relationships in Marketing Channels. Journal of Marketing Research. 1982;19(4):517-524 Doi.org/10.2307/3151724
องค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์แทน. ข้อมูลสภาพทั่วไป. 2563. Accessed April 5, 2021. https://photan.go.th/public/list/data/index/menu/1144
กระทรวงสาธารณสุข. สธ.ตรวจสุขภาพพระสงฆ์-สามเณร 1 แสนรูป ทั่วประเทศ มอบเป็นของขวัญปีใหม่ 2563. สำนักสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. 2562. เมื่อ 5 เมษายน 2564. https://pr.moph.go.th/?url=pr/detail/2/04/136144/
พระครูสุวิธานพัฒนบัณฑิต, ธวัลรัตน์ แดงหาญ, สรัญญา วภัชชวิธี. การพัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพองค์รวมของพระสงฆ์ในจังหวัดขอนแก่น โดยเน้นการมีส่วนร่วมของเครือข่าย. วารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จังหวัดขอนแก่น. 2558;22(2):117-129.
สุภาพ อิ่มอ้วน, ฐาปนวงศ์ มิตรสูงเนิน, พนอ เตชะอธิก. ผลการสวดมนต์ต่อการควบคุมความดันโลหิตใน ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ. 2558;33(2):44-53.
ลภัสรดา วรดาภคนันท์. การศึกษาวิเคราะห์ความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของพระสงฆ์ตามหลักพระธรรมวินัยที่เอื้อต่อการปฏิบัติตามหลักสุขบัญญัติ. วารสารบัณฑิตศึกษาปริทรรศน์. 2563;16(2):129-138.
พระมหาโยธิน โยธิโก. บทบาทพระสงฆ์ไทยในการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. วารสารวิชาการธรรมทรรศน์. 2560; 17(3)ฉบับพิเศษ: 25-36.
อรรถพล ศรีประภา. กระบวนการขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพเฉพาะพื้นที่ ในประเด็นการส่งเสริมสุขภาพด้วยการออกกำลังกายในชุมชนตำบลโคกกว้าง อำเภอบุ่งคล้า จังหวัดบึงกาฬ. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต. 2558. เมื่อ 5 เมษายน 2564. https://bkpho.moph.go.th/ssjweb/bkresearch/require/files/post-doc/20170109113507.pdf
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และคณาจารย์ท่านอื่น ในราชวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว